ฝากไข่ แช่แข็งอสุจิ วางแผนมีลูกเมื่อพร้อม

การมีลูกในเวลาที่พร้อมคือความฝันของพ่อแม่หลายคน หลายครั้งคู่แต่งงานไม่ต้องการมีลูกทันที หรืออาจแต่งงานในช่วงอายุมาก หรือมีปัญหาสุขภาพที่ต้องดูแล การฝากไข่และแช่แข็งอสุจิจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างครอบครัวตามเวลาที่ต้องการ

อายุส่งผลต่อโอกาสมีลูก

อายุเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปีมักไม่ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ แต่เมื่ออายุเกิน 35 ปี การทำงานของรังไข่จะลดลง คุณภาพและปริมาณของไข่ก็จะลดตามไปด้วย ส่งผลให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น สำหรับผู้ชายอายุไม่ได้มีผลชัดเจนต่อคุณภาพของอสุจิ โอกาสตั้งครรภ์อยู่ที่ 30% ต่อเดือน หากไม่มีการตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

ตรวจ AMH เพื่อเช็กคุณภาพไข่

การตรวจฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) ช่วยประเมินคุณภาพไข่และการทำงานของรังไข่ได้ การตรวจนี้สามารถทำได้ง่ายเพียงเจาะเลือด โดยไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร ค่าของ AMH จะช่วยคาดการณ์การตอบสนองของรังไข่เมื่อฉีดยากระตุ้นไข่

ฝากไข่เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

การฝากไข่เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด การฝากไข่จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าแช่แข็งอสุจิ เริ่มจากการปรึกษาแพทย์ ตรวจเลือด ตรวจฮอร์โมน และตรวจคัดกรองโรค ก่อนจะทำการกระตุ้นไข่และเก็บไข่เพื่อแช่แข็ง

การฉีดยากระตุ้นไข่ด้วยตนเอง

ปัจจุบันผู้หญิงสามารถฉีดยากระตุ้นไข่ได้ด้วยตนเอง โดยระยะเวลาในการฉีดอยู่ที่ 9-12 วัน และต้องมีการตรวจสอบการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์ หลังจากนั้นจึงจะเก็บไข่ในหัตถการขนาดเล็กที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

แช่แข็งอสุจิสำหรับผู้ชาย

การแช่แข็งอสุจิเป็นทางเลือกสำหรับผู้ชายที่ต้องการมีลูกในอนาคต โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด วิธีการไม่ซับซ้อน ต้องทำการตรวจสุขภาพและเก็บน้ำเชื้อเพื่อเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง

อายุการฝากไข่และแช่แข็งอสุจิ

แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขชัดเจนเกี่ยวกับอายุการเก็บไข่และอสุจิ แต่แพทย์แนะนำให้ใช้ภายใน 5 ปีแรกหลังการแช่แข็ง เพราะหลังจากนั้นอาจมีความเสี่ยงที่คุณภาพจะลดลง

การสังเกตภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง

ผู้หญิงสามารถสังเกตภาวะมีบุตรยากจากการติดตามรอบประจำเดือน หากขาดหายไป 3-4 เดือน หรือรอบเดือนยาวผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ

สรุป

ไม่ว่าจะเลือกแต่งงานเมื่อใด แนะนำให้มีลูกตามธรรมชาติ โดยมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากอายุต่ำกว่า 35 ปีควรใช้เวลา 1 ปีแรกหลังแต่งงาน หากอายุมากกว่า 35 ปีควรพยายามไม่เกิน 6 เดือน หากยังไม่สำเร็จควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากเพื่อวางแผนการมีลูกตามที่ตั้งใจ

นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

สอบถามเพิ่มเติมติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

บทความที่เกี่ยวข้อง

เทคโนโลยีช่วยการมีบุตร

เทคโนโลยีช่วยการมีบุตร

การมีลูกยากเป็นปัญหาที่หลายคู่รักต้องเผชิญ และโชคดีที่ปัจจุบันมีหลายวิธีในการช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาร่วมกับคู่สามีภรรยาตามความเหมาะสมในแต่ละคู่ ซึ่งเทคโนโลยีที่นิยมและได้รับการยอมรับ ได้แก่ 1.การคัดเชื้อเพื่อฉีดเข้าโพรงมดลูก (IUI) IUI เป็นวิธีการที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ โดยในกระบวนการนี้จะเก็บน้ำเชื้อจากฝ่ายชายในช่วงวันตกไข่ของฝ่ายหญิง น้ำเชื้อจะถูกคัดแยกและเพาะเลี้ยงในน้ำยาเฉพาะ เพื่อแยกอสุจิที่มีคุณภาพและแข็งแรงที่สุด ก่อนที่จะนำไปฉีดเข้าโพรงมดลูกโดยตรง วิธีนี้ช่วยให้เชื้ออสุจิสามารถเข้าถึงไข่ได้อย่างรวดเร็วและมีโอกาสปฏิสนธิมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ 2.เด็กหลอดแก้ว (IVF) ในกรณีที่ IUI อาจไม่เพียงพอ วิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) จะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม โดยวิธีนี้เริ่มต้นด้วยการกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่ที่แข็งแรงจำนวนมาก จากนั้นจะทำการเก็บไข่โดยการเจาะผ่านช่องคลอด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ต้องใช้ยาสลบและไม่ต้องเจาะหน้าท้อง หลังจากนั้น อสุจิจากฝ่ายชายจะถูกนำมาผสมกับไข่ในห้องปฏิบัติการ และจะมีการเลี้ยงตัวอ่อนจนแบ่งตัวเป็นระยะ 4–8 เซลล์ หรือจนถึงระยะบลาสโตซีสต์ (Blastocyst) ที่มีความพร้อมในการฝังตัวในโพรงมดลูก วิธีนี้ให้อัตราการตั้งครรภ์ที่สูงมากและเป็นที่นิยมในหมู่คู่รักที่ต้องการสร้างครอบครัว 3.การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในไข่ (ICSI) สำหรับคู่รักที่มีปัญหาทางอสุจิ เช่น มีจำนวนอสุจิน้อยมากจนไม่สามารถปฏิสนธิไข่ได้ หรือไม่มีอสุจิในน้ำเชื้อเลย แต่ยังมีการผลิตอสุจิในอัณฑะ วิธี Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) จะเป็นวิธีที่เหมาะสม โดยใช้เข็มแก้วเล็ก ๆ เพื่อฉีดอสุจิเพียงหนึ่งตัวเข้าไปในเซลล์ไข่ หลังจากที่อสุจิเข้าไปในไข่แล้ว จะมีการเลี้ยงตัวอ่อนจนเติบโตและมีความพร้อมที่จะนำกลับไปใส่ในโพรงมดลูก ซึ่งวิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างมากสำหรับคู่รักที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอสุจิ สรุป การเลือกวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและความพร้อมของคู่รักแต่ละคู่ IUI, IVF และ ICSI ต่างมีประสิทธิภาพในแบบของตัวเอง ซึ่งทำให้สามารถช่วยให้คู่รักสามารถสร้างครอบครัวได้ตามที่หวังไว้ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน การมีลูกจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป นัดหมายและปรึกษาแพทย์ได้ที่ https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านการทำงาน และปัจจัยในด้านต่าง ๆ ล้วนส่งผลกระทบให้ผู้คนเกิดความเครียด และความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความเครียดนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการมีบุตร หรือทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากขึ้นได้ โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง หากเกิดความเครียด อาจจะก่อให้เกิดภาวะการตกไข่ที่ผิดปกติ หรือไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์หรือมีบุตรนั้นลดลงไปด้วย หากรู้อย่างนี้แล้วต้องรู้จักระวังตัวเอง อย่าปล่อยให้เกิดความเครียดมากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในจิตใจได้ พร้อมด้วยการปรับพฤติกรรม และ Lifestyle ต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมต่อการมีบุตรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไปด้วยกันทั้งครอบครัว ​ ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ BDMS WELLNESS CLINIC https://www.bdmswellness.com/ ปรึกษามีบุตรยากและนัดหมายแพทย์ติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงำยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

ตรวจคุณภาพอสุจิ

ตรวจคุณภาพอสุจิ

บางครั้งปัญหาการมีบุตรยากไม่ได้มาจากฝ่ายหญิงเสมอไป การเตรียมความพร้อมเพื่อมีเจ้าตัวเล็กนั้น การตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อหรือน้ำอสุจิ (Semen Analysis) ของฝ่ายชายเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยประเมินคุณภาพและปริมาณของตัวอสุจิ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับการวินิจฉัยและวางแผนการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักน้ำอสุจิ “น้ำเชื้อ” หรือ “น้ำอสุจิ” (Semen) เป็นของเหลวที่ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยง มีลักษณะสีขาวข้นและหลั่งออกจากร่างกายผู้ชายเมื่อถึงจุดสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การช่วยตัวเอง หรือจากฝันเปียก (Wet Dream) ในแต่ละครั้งจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 3-4 มิลลิลิตร และมีจำนวนอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300-500 ล้านตัว ประโยชน์ของการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิเป็นวิธีที่สำคัญในการประเมินภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ปัจจัยที่ต้องพิจารณา ได้แก่: ความผิดปกติของจำนวนตัวอสุจิ: อาจเกิดจากท่อนำอสุจิตีบหรือตัน หรืออัณฑะไม่สร้างตัวอสุจิ การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ: หากตัวอสุจิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดี อาจไม่สามารถว่ายผ่านปากมดลูกไปพบกับไข่ รูปร่างของตัวอสุจิ: ตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติจะส่งผลกระทบต่อการปฏิสนธิ ควรตรวจน้ำอสุจิเมื่อไร โดยทั่วไปประชากรประมาณ 15% มีปัญหามีบุตรยาก ดังนั้นการตรวจน้ำอสุจิจึงแนะนำให้ทำเมื่อมีเกณฑ์ภาวะมีบุตรยาก แต่ในบางกรณีอาจต้องการตรวจเร็วกว่านั้น เช่น: มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อคุณภาพตัวอสุจิ เช่น โรคตับ โรคไต หรือประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณภาพน้ำอสุจิจะเริ่มลดลงหลังอายุ 30 ปี และเห็นผลชัดเจนในอายุ 40 ปี ภรรยาอายุมากกว่า 37 ปี ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการมีบุตร วิธีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิใช้มาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก (WHO Criteria) โดยรวมถึงขั้นตอนดังนี้: การตรวจดูด้วยตาเปล่า (Macroscopic Examination): ตรวจสอบลักษณะทั่วไป เช่น สี ความขุ่น และปริมาตร การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Examination): ตรวจสอบจำนวนตัวอสุจิ อัตราการเคลื่อนไหว และรูปร่าง เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Assisted Sperm Analysis: CASA) ซึ่งให้ผลการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง ลดความเบี่ยงเบนจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การแปลผลตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ผลการตรวจน้ำอสุจิจะถือว่าปกติเมื่อมีค่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดโดย WHO ได้แก่: ปริมาณน้ำอสุจิ ≥ 1.5 มิลลิลิตร ความเข้มข้นของตัวอสุจิ ≥ 15 ล้านตัว/มิลลิลิตร การเคลื่อนไหว ≥ 40% รูปร่างอสุจิที่ปกติ ≥ 4% ข้อปฏิบัติในการเก็บน้ำอสุจิ ก่อนการตรวจควรงดการหลั่งอสุจิอย่างน้อย 3-7 วัน และต้องเก็บน้ำอสุจิในภาชนะที่สะอาด โดยไม่ควรใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากอาจมีสารที่ทำลายตัวอสุจิ ข้อจำกัดในการเก็บน้ำอสุจิ ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บน้ำอสุจิด้วยตนเองได้ สามารถใช้วิธีหลั่งภายนอกใส่ภาชนะที่โรงพยาบาลจัดให้ แต่การเก็บอาจมีปริมาณน้อยหรือคุณภาพลดลงได้ นอกจากนี้ ควรนำส่งน้ำอสุจิไปยังห้องปฏิบัติการภายใน 1 ชั่วโมงหลังการเก็บ สรุป การตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีลูก โดยช่วยให้คู่รักสามารถวางแผนและหาทางออกในการมีบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบปัญหาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขและวางแผนการรักษาต่อไป นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี : สู่เส้นทางการเเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับครอบครัวที่ใฝ่ฝันมีเจ้าตัวน้อย สำหรับคู่รักที่มีความหวังในการมีบุตร แต่พบกับความยากลำบาก IUI (Intra-Uterine Insemination) หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมในเบื้องต้น ด้วยขั้นตอนที่ใกล้เคียงกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ขั้นตอนการเตรียมตัว ฝ่ายชาย จะต้องเตรียมตัวโดยงดการมีเพศสัมพันธ์หรือหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 3 – 7 วันก่อนนัดหมาย ฝ่ายหญิง แพทย์จะทำการติดตามการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์ เพื่อนัดหมายฉีดเชื้อในวันที่ไข่โตเต็มที่ ขั้นตอนการฉีดเชื้อ ฝ่ายชายเก็บน้ำเชื้ออสุจิ น้ำเชื้อจะผ่านการคัดเลือกตัวอสุจิที่แข็งแรง (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) ฝ่ายหญิงจะนอนบนเตียงตรวจทางสูตินรีเวช โดยแพทย์ใช้เครื่องมือขยายช่องคลอด แพทย์จะฉีดน้ำเชื้ออสุจิประมาณ 0.3 มิลลิลิตรเข้าสู่โพรงมดลูกอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นฝ่ายหญิงจะนอนพักประมาณ 20 – 30 นาที ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดเชื้อ ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ หากมีอาการปวดท้องหรือเลือดออกเล็กน้อยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น ทำไมเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี? บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีมุ่งเน้นการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสหสาขาวิชาชีพ ด้วยมาตรฐานระดับสากล ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงและภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากคุณคือคู่รักที่มีความฝันในการสร้างครอบครัว การเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีอาจเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จในเส้นทางนี้. ปรึกษาและนัดหมายแพทย์ได้ที่ https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY

ภาวะมีบุตรยาก : INFERTILITY ภาวะมีบุตรยาก คือ ภาวะของคู่สมรสที่แต่งงานกันเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมออาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วยังไม่เกิดการตั้งครรภ์ สาเหตุของการมีบุตรยาก เเบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลัก ดังนี้ ไม่มีการตกไข่ ท่อนำไข่อุดตันหรือมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน เชื้ออสุจิของฝ่ายชายอ่อน (ตรวจนับด้วยคอมพิวเตอร์) การรักษาสามารถแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้ การรักษาโดยการผ่าตัด การรักษาโดยการใช้ยา การรักษาด้วยเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้แก้ปัญหาการมีบุตรยาก โดยทางโรงพยาบาลกรุงเทพ จันทบุรี มีคลีนิกให้คำปรึกษาและรักษาภาวะการมีบุตรยาก โดยเเพทย์ผู้ชำนาญการสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกมีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

IUI ฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก Package

IUI ฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก Package

Hospital Logo

ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่

บริการให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง