โรคไทรอยด์ 4 เรื่องควรรู้ อัตราเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า
ปัจจุบันผู้ป่วยโรคไทรอยด์จำนวนมากในประเทศไทย ที่น่าสนใจคือหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคไทรอยด์ ซึ่งหากรู้ตัวเร็ว รักษาเร็ว ย่อมช่วยให้รับมือได้ทันท่วงทีและดูแลรักษาสุขภาพได้อย่างถูกต้องในระยะยาว
ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ เนื่องจากเกิดความเปิดปกติจากร่างกายของเราเอง ที่กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้มีการสร้างฮอร์โมนมากเกินความจำเป็นของร่างกาย สิ่งที่ทำได้ คือ การสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายตนเอง หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา สำหรับผู้ป่วยที่รักษาอยู่แล้ว ปกติแพทย์มักจะให้การรักษาด้วยการรับประทานยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาใหม่ และยับยั้งการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนที่มีอยู่แล้ว
4 เรื่องไทรอยด์ที่ควรรู้
- อุบัติการณ์โรคไทรอยด์ในปัจจุบัน
ในพื้นที่ที่มีการขาดไอโอดีนมักพบว่ามีคนไข้เกิดต่อมไทรอยด์โตมากกว่าปกติหรือที่เรารู้จักกันว่า โรคคอหอยพอก ส่วนในพื้นที่ที่มีการบริโภคไอโอดีนเพียงพอจะพบอาการโรคไทรอยด์ในกลุ่ม Autoimmune Disease ซึ่งเป็นสาเหตุของทั้งไทรอยด์เป็นพิษหรือไทรอยด์ทำงานต่ำ มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4 : 1
- ภาวะนอนไม่หลับ กินไม่อิ่ม แสดงว่าเป็นโรคไทรอยด์
อาการของโรคไทรอยด์จะแตกต่างกันตามแต่ละชนิดของโรคที่เป็น เช่น ถ้ามีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไปจะมีอาการท้องผูก ขี้หนาว เหนื่อยง่าย เพลีย น้ำหนักเพิ่ม ถ้าไทรอยด์ทำงานมากเกินไปจะมีอาการใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หิวบ่อย เป็นต้น
- โรคไทรอยด์ป้องกันได้?
ในพื้นที่ที่มีการเกิดโรคคอหอยพอกควรมีการเพิ่มการบริโภคไอโอดีน เช่น การใช้เกลือไอโอดีนในการปรุงอาหารจะเป็นการป้องกันการเกิดคอพอกได้ หรือการรับประทานอาหารทะเลให้พอเพียง ส่วนการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไปหรือน้อยเกินไปยังไม่มีวิธีป้องกันโรค เพราะฉะนั้นถ้าคนไข้มีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคไทรอยด์ควรมาเจาะเลือดและพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยไทรอยด์
- อย่าละเลยตรวจเช็กไทรอยด์ ในคนที่มีอาการแสดงดังต่อไปนี้ควรเข้ารับการตรวจระดับไทรอยด์ฮอร์โมน
- คอโตขึ้น คลำเจอก้อนบริเวณคอด้านหน้า
- มีอาการไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (ชนิดอ้วน) เช่น เหนื่อยง่าย เพลียง่าย ขี้หนาว ท้องผูก น้ำหนักขึ้นง่าย
- มีอาการไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (ชนิดผอม) เช่น มือสั่น ใจสั่น น้ำหนักลดลง โดยที่ยังทานอาหารเป็นปกติหรือมากกว่าปกติ วิตกกังวล หงุดหงิดมากกว่าปกติ ตาโปนโตกว่าปกติ คอโตขึ้น ลำไส้เคลื่อนไหวมากกว่าปกติ ขับถ่ายบ่อยขึ้น เหงื่อออกมาก
ทั้งนี้ไทรอยด์เป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม หากมีอาการข้างต้นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ