อันตรายจากเชื้อ HPV
อันตรายจากเชื้อ HPV
การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีภูมิใจเสนอเทคโนโลยีการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาโรคทางนรีเวช ตั้งแต่กระบวนการตรวจพบปัญหาจนถึงการรักษา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการอย่างมีคุณภาพแก่ผู้ป่วยของเรา การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้องคืออะไร? การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Laparoscopic Surgery เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือพิเศษช่วยในการผ่าตัดโดยไม่ต้องกรีดเปิดแผลกว้างแบบการผ่าตัดดั้งเดิม ซึ่งกล้องจะมีกำลังขยายที่สูงทำให้แพทย์สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งหลังผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็กที่ทิ้งรอยน้อยกว่าการผ่าตัดทั่วไป ทำไมการผ่าตัดผ่านกล้องถึงน่าสนใจ? แผลขนาดเล็ก: การผ่าตัดผ่านกล้องจะทำให้ได้แผลที่มีขนาดเล็กกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ฟื้นตัวเร็ว: เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยมักจะรู้สึกดีขึ้นและฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ: แผลขนาดเล็กทำให้โอกาสในการติดเชื้อลดลง เจ็บน้อยลง: การใช้กล้องและเครื่องมือพิเศษทำให้เกิดแผลเล็กๆ เจ็บปวดหลังการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดซึ่งมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ ผลลัพธ์ที่ดีกว่า: กล้องกำลังขยายสูงให้การมองเห็นที่ชัดเจนและแม่นยำขณะทำผ่าตัดส่งผลแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช (Laparoscopic Gynecologic Surgery) สามารถวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติต่าง ๆ ได้ดังนี้ เนื้องอกในมดลูก (Uterine Fibroids): เนื้องอกที่เกิดในผนังของมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือเลือดออกผิดปกติ ซีสต์ในรังไข่ (Ovarian Cysts): ซีสต์หรือถุงน้ำที่เกิดในรังไข่ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่ร้ายแรง ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis): โรคที่เกิดจากการมีเนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตนอกมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดท้องและปัญหาการเจริญพันธุ์ ปัญหาเกี่ยวกับท่อนำไข่ (Fallopian Tube Issues): การอุดตันหรือการบาดเจ็บที่ท่อนำไข่ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ โรคพังผืดในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Adhesions): พังผืดที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการผ่าตัดก่อนหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดและปัญหาการตั้งครรภ์ การตกเลือดผิดปกติ (Abnormal Uterine Bleeding): อาการเลือดออกผิดปกติที่อาจเกิดจากปัญหาหลายประการ เช่น เนื้องอกในมดลูกหรือการเจ็บป่วยทางนรีเวชอื่นๆ การรักษาภาวะมดลูกหย่อน (Uterine Prolapse): ภาวะที่มดลูกเคลื่อนที่ลงมาจากตำแหน่งปกติ ซึ่งอาจต้องการการรักษาเพื่อฟื้นฟูการทำงานของมดลูก การผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัย (Diagnostic Laparoscopy): ใช้เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการที่ไม่ชัดเจนหรือเพื่อประเมินปัญหาทางนรีเวชที่ไม่สามารถระบุได้ด้วยการตรวจแบบอื่น การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวชมีข้อดีในการลดขนาดของแผลและลดระยะเวลาการพักฟื้น ดังนั้นจึงมักเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและมีผลข้างเคียงหลังผ่าตัดน้อย หากพบมีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคที่กล่าวมาข้างต้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ใครบ้างที่เหมาะกับการผ่าตัดผ่านกล้อง? การผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้องเหมาะสำหรับการรักษาหลายกรณี เช่น การรักษาเนื้องอกในมดลูก, การรักษานิ่วในถุงน้ำดี, และการรักษาปัญหาทางนรีเวชอื่นๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีเรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง หากท่านการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดทางนรีเวชผ่านกล้อง หรือปรึกษาเกี่ยวกับความต้องการด้านการรักษากรุณาติดต่อเราเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 039-319888
วัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพื่อกระตุ้นภูมิคุ่มกันร่างกายนั้น นับว่ามีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจในการป้องกันการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์เดียวกับวัคซีนที่ฉีด ซึ่งปัจจุบันมาวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ที่ครอบคลุมป้องกันการเกิดโรคได้หลายโรคทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ข้อบ่งชี้ในการรับวัคซีน 1.เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เดียวกับวัคซีนที่ฉีด 2.เพื่อป้องกันรอยโรคก่อนมะเร็งและมะเร็งอวัยวะเพศสตรีที่เกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เดียวกับวัคซีนที่ฉีด ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน เคยมีประวัติเเพ้วัคซีน HPV หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน HPV
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ คือ แทนที่เลือดจะไหลออกมาทางช่องคลอดตามปกติ แต่กลับมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางหลอดมดลูกเข้าไปในช่องท้องแล้วไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ หรือถุงที่มีเลือดคั่ง และไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่างๆ เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ช่องคลอด มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็น เพราะเกิดขึ้นจากฮอร์โมนเพศหญิง ตราบใดที่ยังมีประจำเดือน ซึ่ง โรคนี้จะส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ถึงแม้จะไม่ใช่โรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความทรมานให้สาวๆ ที่เป็นโรคนี้ได้ไม่น้อย อาการที่เสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ปวดท้องมากผิดปกติเวลามีประจำเดือน และปวดมากขึ้นๆ ทุกเดือน โดยอาจจะปวดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกรานและตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ รวมถึงการปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือนานกว่า 7 วัน และการมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ ประจำเดือนมาถี่ หรือระยะห่างระหว่างที่เป็นประจำเดือนแต่ละรอบสั้นกว่าปกติ คือมีมากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง ปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าปกติ อาจเป็นเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ และไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือดในช่วงมีประจำเดือน ถ้าเป็นคนผอมแต่มีพุง ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีถุงน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในท้อง ปวดไมเกรนบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงก่อน และระหว่างมีประจำเดือน บางรายอาจไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเลย แต่คลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อยซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางหรือด้านข้างเนื่องจากถุงน้ำโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่และอยู่ในระยะที่เป็นอันตราย บางรายตรวจพบว่าโรคนี้เป็นสาเหตุของการมีบุตรยากเนื่องจากท่อนำไข่ตีบตัน ทำให้ไข่ไม่สามารถเดินทางได้สะดวก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งผลพวงที่มีสาเหตุมาจากช็อกโกแลตซีสต์ เพราะเมื่อเยื่อบุนี้ไปเกาะอยู่บนรังไข่ ทำให้รังไข่มีพื้นในการผลิตไข่ และสร้างฮอร์โมนน้อยลง เพราะถูกแทนที่ด้วยช็อกโกแลตซีสต์ไข่ที่ผลิตได้ก็ด้อยคุณภาพ และยังทำให้ท่อรังไข่คดงอ ไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้วจึงผ่านมาฝังตัวได้อย่างไม่สมบูรณ์ หากพบว่าเป็นก็จะได้ทำการรักษาแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีที่สุด ในส่วนของการรักษา ในรายที่อาการรุนแรงไม่มาก แพทย์อาจให้สังเกตและติดตามอาการเป็นระยะ ในรายที่มีอาการพอสมควรแพทย์อาจรักษาโดยใช้ยา หรือหากใช้ยาแล้วไม่ได้ผลอาจจำเป็นต้อง ผ่าตัด ช็อกโกแลตซีส ซึ่งการผ่าตัดในปัจจุบันนี้แพทย์ก็จะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เป็นวิธีมาตรฐานในการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องนี้เป็นวิธีที่ทันสมัย เป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery หรือ MIS อันเป็นเทคนิคในการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว ซึ่งไม่น่ากลัวแต่อย่างใด จากที่คุณหมอให้ความรู้เรามาทั้งหมดนี้ก็จะพบว่า โรคช็อกโกแลตซีสต์ ก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวมาก หากคุณสาวๆ หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองแล้วรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจอาการตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามก็น่าจะเป็นการดีที่สุด ก่อนที่โรคภัยจะมาคุกคามชีวิตและลุกลามจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเรา สอบถามเพิ่มเติมติดต่อศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319877
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis) สตรีวัยเจริญพันธุ์จะมีเยื่อบุงอกหนาขึ้นในทุก ๆ เดือนอยู่บนพื้นผิวของโพรงมดลูก เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีการปฏิสนธิและฝังตัวของตัวอ่อนเกิดขึ้น เยื่อบุนี้จะมีการสลายตัวกลายเป็นประจำเดือน ซึ่งนับเป็นวงจรปกติ แต่หากเมื่อใดเยื่อบุนี้ไปเจริญอยู่บริเวณอื่นที่ไม่ใช่ผิวของโพรงมดลูก เรียกว่า เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุเหล่านี้จะมีการสลายตัวทุกเป็นเลือดในทุก ๆ เดือนเช่นเดียวกัน เมื่อเลือดเหล่านี้ไม่มีช่องทางการระบายออกจะทำให้เกิดเลือดคั่งอยู่ภายใน เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ และกลายเป็นถุงซีสต์ อาการ อาการแสดงในบางรายอาจเกิดอาการปวดท้องหรือปวดหลังขณะมีประจำเดือน มักปวดมากขึ้นเมื่อถึงวันท้าย ๆ ของการมีรอบเดือน หรือปวดขณะร่วมเพศ และในบางรายอาจมีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ การรักษา สำหรับการรักษาขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรง เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงต้องพิจารณาแนวทางการรักษาตามความเหมาะสมต่อไป ซึ่งแนวทางการรักษามีตั้งแต่การรับประทานยาคุมกำเนิดจนถึงผ่าตัด เพราะฉะนั้นเมื่อสงสัยไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด เมื่อความรุนแรงน้อยการรักษาก็มักจะไม่ซับซ้อนตามไปด้วย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-3198888
“ผู้หญิงข้ามเพศ” มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูก พบมากเป็นอันดับต้นๆ ของผู้หญิงทั่วโลก แต่ปัจจุบันยุคสมัยให้ความสำคัญและยอมรับค่านิยมเรื่องการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง หรือ LGBTQ+ ทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปากมดลูกในสตรีข้ามเพศขึ้น แม้ส่วนใหญ่สาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปาดมดลูกจะมาจาก “เชื้อไวรัส HPV” แต่ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงนั้นก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น อาจเกิดจากการฉีกขาดของช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ รวมไปถึงการไม่รักษาสุขอนามัยบริเวณช่องคลอดและอวัยวะเพศของสามี “ชายแปลงเป็นหญิง” เสี่ยงมะเร็งปากมดลูกด้วยหรือไม่ ? แน่นอนว่าการผ่าตัดแปลงเพศจากชายกลายเป็นหญิงนั้น คือ การที่ศัลยแพทย์ทำการตัดแต่งระบบสืบพันธ์ภายในของผู้ชายให้มีเหมือนกับผู้หญิง เพียงแต่!!! เป็นการใช้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อหรือตัดต่อจากของเดิม เช่น การสร้างช่องคลอดเทียม โดยการตัดต่อท่อปัสสาวะเพศชาย หรือ ตกแต่งแคมเลียนแบบอวัยวะเพศหญิงจากหนังหุ้มลูกอัณฑะ เป็นต้น ทางการแพทย์แล้วยังไม่มีการพบว่า เมื่อผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงแล้วจะก่อให้เกิด “โรคมะเร็งปากมดลูก” ในอนาคต ในทางกลับกัน อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตามเพศสภาพเดิมมากกว่า เนื่องจากในการผ่าตัดแปลงเพศนั้น มีเพียงการตัดลูกอัณฑะออกแต่ยังเหลือต่อมลูกหมาก ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ หรือแม้แต่ในผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นชาย ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งรังไข่ได้เหมือนกัน ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ
ปวดท้องน้อยในสตรี ปวดท้องน้อย เกิดได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตและปัจจัยเนื่องจากในช่องท้องนั้นประกอบด้วยอวัยวะภายในหลายอย่างด้วยกัน เช่น ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไส้ติ่ง ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ขณะที่ผู้หญิงอาจมีความเสี่ยงในมดลูก รังไข่และปีกมดลูก ด้วย ซึ่งบ่อยครั้งที่ไม่สามารถแยกไส้ติ่งอักเสบออกจากถุงน้ำรังไข่ที่แตกได้ หรือไม่สามารถแยกโรคมดลูกอักเสบเฉียบพลันออกจากภาวะไส้ติ่งแตกได้ การวินิจฉัยหาสาเหตุเรื่องของปวดท้องน้อย บางครั้งจึงจำเป็นต้องมีแพทย์หลายๆแผนก มาร่วมกันในการดูแลรักษา การวินิจฉัยสาเหตุปวดท้องน้อยนั้น จำเป็นต้องซักประวัติให้ละเอียด เช่น ปวดท้องน้อยมากี่วัน เป็นมานานแล้วหรือยัง เคยปวดท้องน้อยลักษณะเดียวกันมาก่อนหรือไม่ การรักษาที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนั้น ประวัติในครอบครัว และประวัติการเกิดโรคในอดีตที่เกี่ยวกับระบบภายในด้วย รวมถึงอาการปวดที่อาจจะแตกต่างกันออกไป เช่น ปวดตื้นๆ หรือปวดลึกๆ มีจุดกดเจ็บหรือไม่ ลักษณะการปวดเป็นแบบบีบๆ ปวดดิ้น ปวดแบบมวนๆ ในช่องท้อง หรือเจ็บเหมือนมีเข็มตำ ปวดจนเป็นลมหรือเปล่า ปวดท้องน้อยสตรี สามารถแยกออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ( Acute pelvic pain ) มักเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะในช่องท้องที่เป็นสาเหตุหรืออาจเกิดจากอวัยวะที่เป็นสาเหตุได้รับความเสียหาย มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หรือมาอาการเป็นลมในบางราย สาเหตุของอาการปวดท้องน้อยลักษณะนี้ มดลูกอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำรังไข่แตก รั่วหรือบิดขั้ว ภาวะไข่ตกในช่วงกลางรอบเดือน นิ่วในท่อไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การตั้งครรภ์นอกมดลูก ปวดท้องน้อยเป็นซ้ำ ( recurrent pelvic pain ) วินิจฉัยว่าปวดท้องน้อยเนื่องจากไข่ตก ( Mittelschmerz ) กลุ่มนี้เกิดจากมีการหลั่งสารโพสตร้าแกลนดินออกมาจากถุงไข่ที่รั่วออกมา ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะปวดสั้นๆ 1-2 วัน ในช่วงกลางรอบเดือน รับประทานยาแก้ปวดก็ดีขึ้น แต่ในกรณีที่รับประทานยาแก้ปวด อาการก็ไม่ทุเลาหรือมีภาวะอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นลม เหนื่อยง่าย จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไปปวดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ ( primary dysmenorrhea ) อาการปวดประจำเดือนมักเกิดในช่วงก่อนมีประจำเดือนและอาจปวดต่อเนื่องได้ถึง 72 ชม อาการปวดมักจะทุเลาได้โดยการใช้ยากลุ่มยับยั้งการสร้างโพสตร้าแกลนดินหรือการใช้ยาคุมกำเนิด ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาการปวดมักจะดีขึ้นหลังหลังจากมีบุตร ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ( Chronic pelvic pain ) เป็นภาวะที่พบบ่อย และเป็นปัญหามากในการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีประวัติการรักษาจากแพทย์หลายคน เนื่องจากการวินิจฉัยหาสาเหตุค่อนข้างยาก ภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรัง ลักษณะของการปวดท้องน้อย ที่มักปวดตลอดหรืออาจจะปวดเป็นช่วงๆ ไม่สม่ำเสมอ ( non cycle pain ) ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ และอาการปวดท้องน้อยมักเป็นต่อเนื่องกันมากกว่า 3- 6 เดือน พบว่า ภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรังนั้นเป็นสาเหตุในผู้ป่วยที่ตัดมดลูกทั้งหมด ถึง 18% สาเหตุปวดท้องน้อยเรื้อรัง เยื่อบุประจำเดือนอยู่ผิดที่ ช๊อคโกเล็ตซีสต์ พังผืดในช่องท้อง โดยเฉพาะพังผืดที่ยึดระหว่างลำไส้ใหญ่ส่วนปลา ( sigmoid colon ) กับผนังช่องท้อง เป็นสาเหตุถึง 38 % ในผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยเรื่องปวดท้องน้อยเรื้อรัง มดลูกและปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง เส้นเลือดโป่งพองในอุ้งเชิงกราน ( pelvic congestion ) เนื้องอกมดลูก เนื้องอกและถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้แปรปวน จะเห็นได้ว่าปัญหาระบบภายในของผู้หญิงซับซ้อนเป็นอย่างมาก การตรวจภายในจึงสำคัญ เช่นการตรวจวินิจฉัยด้วยอัลตร้าซาวด์ หรือเอกเรย์คองพิวเตอร์ เช่น CT หรือ MRI จำเป็นสำหรับการช่วยวินิจฉัยโรคและแยกโรคในกรณีที่คิดว่าเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่ การตรวจสวนลำไส้ใหญ่ หรือการส่องกล้องลำไส้เล็กก็จำเป็นในกรณีที่ผุ้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยหลายอย่างแล้ว ก็ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน การส่องกล้องวินิจฉัยในช่องท้อง ( Diagnostic laparoscope ) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์จะใช้ในการตรวจวินิจฉัย แต่เนื่องจากการตรวจด้วยการส่องกล้องวินิจฉัยในช่องท้องนั้น จำเป็นต้องนำผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดและดมยาสลบ การเลือกใช้วิธีนี้จึงควรมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการรักษาโรค ขึ้นกับการตรวจพบสาเหตุของโรค ให้การรักษาตามสาเหตุโดยคำนึงถึงอายุ ประวัติการมีบุตรร่วมด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก : ฺBDMS สถานีสุขภาพ
บริการให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง