กระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า

🦶" กระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า 5 ตำแหน่งยอดนิยม "

#ปวดข้อเท้าเรื้อรัง

◼️ การปวดเท้าหรือข้อเท้าเรื้อรังไม่หาย บางครั้งเมื่อตรวจด้วยภาพรังสีวินิจฉัย #อาจจะพบกระดูกงอกได้

◼️ โดยที่กระดูกงอกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บและความเสื่อมของเส้นเอ็น การใช้ข้อเท้าหนักๆจากการเล่นกีฬา กระดูกข้อเสื่อม หรือเป็นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจากการที่ ปุ่มกระดูกมีการเชื่อมตัวผิดปกติ

👨‍⚕️ วันนี้หมอจะพามารู้จักกับ 5 ตำแหน่งยอดนิยมของการเกิดกระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า

🔴1.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านหลัง (Haglund’s deformity) กระดูกงอกบริเวณนี้มักสัมพันธ์กับโรคจุดเกาะเอ็นร้อยหวายเสื่อมและอักเสบ เจ็บส้นเท้าด้านหลังเรื้อรัง กล้ามเนื้อน่องตึง ใส่รองเท้าได้ลำบาก

🔴2.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านล่าง (Calcaneal spur) พบได้ในผู้ป่วยโรครองช้ำ มีอาการเจ็บแปล๊บๆบริเวณส้นเท้าโดยเฉพาะช่วงตื่นนอนตอนเช้า

🔴3.กระดูกงอกบริเวณอุ้งเท้าด้านใน (Accessory navicular) เกิดจากการไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกตั้งแต่แรกเกิด (ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 25-30 ในประชากร) ส่งผลให้เส้นเอ็นพยุงอุ้งเท้าที่มาเกาะกระดูกบริเวณนี้เกิดการอักเสบ เกิดอาการปวดข้อเท้าด้านในเรื้อรัง มักพบสัมพันธ์กับภาวะเท้าแบน

🔴4.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหน้า (Anterior ankle impingement) กระดูกงอกชนิดนี้มักพบใน ผู้เล่นกีฬาเป็นประจำ เช่น ฟุตบอล มีอาการปวดข้อเท้าบวมๆยุบๆเป็นๆหาย ปวดมากขึ้นเวลากระดกข้อเท้าขึ้นสุด หรือนั่งยองๆ

🔴5.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง (Posterior ankle impingement) สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง(Os trigonum) ทำให้เกิดกระดูกงอกไปกดเส้นเอ็นและเกิดการอักเสบตามมมา ผู้ป่วยจะมีมีอาการมากขึ้น ในท่าจิกข้อเท้าลงสุด หรือทำกิจกรรมที่ต้อง เขย่งเท้า

🦶การรักษาภาวะกระดูกงอกเริ่มด้วยวิธีการอนุรักษ์นิยมก่อน ได้แก่ พักการใช้งาน การประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบระยะสั้น การปรับเปลี่ยนรองเท้า การบริหารยืดเส้นเอ็นร้อยหวาย

🛠 แต่ถ้าหากอาการปวดเรื้อรัง ไม่ดีขึ้นแนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจภาพถ่ายรังสีวินิจฉัย( X-ray) เพื่อประเมินขนาดและการกดทับเนื้อเยื่อโดยรอบ รวมถึงพิจารณาทางเลือก การผ่าตัดนำกระดูกงอกออก โดยวิธีการแบบเปิดหรือส่องกล้อง ที่ให้ผลการรักษาที่ดีเช่นกัน

บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค

💙🦶เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี

#คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้า #ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

5 กระดูกงอก

5 กระดูกงอก

" กระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า 5 ตำแหน่งยอดนิยม " #ปวดข้อเท้าเรื้อรัง การปวดเท้าหรือข้อเท้าเรื้อรังไม่หาย บางครั้งเมื่อตรวจด้วยภาพรังสีวินิจฉัย #อาจจะพบกระดูกงอกได้ โดยที่กระดูกงอกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บและความเสื่อมของเส้นเอ็น การใช้ข้อเท้าหนักๆจากการเล่นกีฬา กระดูกข้อเสื่อม หรือเป็นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจากการที่ ปุ่มกระดูกมีการเชื่อมตัวผิดปกติ วันนี้หมอจะพามารู้จักกับ 5 ตำแหน่งยอดนิยมของการเกิดกระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า 1.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านหลัง (Haglund’s deformity) กระดูกงอกบริเวณนี้มักสัมพันธ์กับโรคจุดเกาะเอ็นร้อยหวายเสื่อมและอักเสบ เจ็บส้นเท้าด้านหลังเรื้อรัง กล้ามเนื้อน่องตึง ใส่รองเท้าได้ลำบาก 2.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านล่าง (Calcaneal spur) พบได้ในผู้ป่วยโรครองช้ำ มีอาการเจ็บแปล๊บๆบริเวณส้นเท้าโดยเฉพาะช่วงตื่นนอนตอนเช้า 3.กระดูกงอกบริเวณอุ้งเท้าด้านใน (Accessory navicular) เกิดจากการไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกตั้งแต่แรกเกิด (ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 25-30 ในประชากร) ส่งผลให้เส้นเอ็นพยุงอุ้งเท้าที่มาเกาะกระดูกบริเวณนี้เกิดการอักเสบ เกิดอาการปวดข้อเท้าด้านในเรื้อรัง มักพบสัมพันธ์กับภาวะเท้าแบน 4.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหน้า (Anterior ankle impingement) กระดูกงอกชนิดนี้มักพบใน ผู้เล่นกีฬาเป็นประจำ เช่น ฟุตบอล มีอาการปวดข้อเท้าบวมๆยุบๆเป็นๆหาย ปวดมากขึ้นเวลากระดกข้อเท้าขึ้นสุด หรือนั่งยองๆ 5.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง (Posterior ankle impingement) สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง(Os trigonum) ทำให้เกิดกระดูกงอกไปกดเส้นเอ็นและเกิดการอักเสบตามมมา ผู้ป่วยจะมีมีอาการมากขึ้น ในท่าจิกข้อเท้าลงสุด หรือทำกิจกรรมที่ต้อง เขย่งเท้า การรักษาภาวะกระดูกงอกเริ่มด้วยวิธีการอนุรักษ์นิยมก่อน ได้แก่ พักการใช้งาน การประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบระยะสั้น การปรับเปลี่ยนรองเท้า การบริหารยืดเส้นเอ็นร้อยหวาย แต่ถ้าหากอาการปวดเรื้อรัง ไม่ดีขึ้นแนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจภาพถ่ายรังสีวินิจฉัย( X-ray) เพื่อประเมินขนาดและการกดทับเนื้อเยื่อโดยรอบ รวมถึงพิจารณาทางเลือก การผ่าตัดนำกระดูกงอกออก โดยวิธีการแบบเปิดหรือส่องกล้อง ที่ให้ผลการรักษาที่ดีเช่นกัน บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ #คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้าโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร 039-319888

3 ระดับความรุนแรงของข้อเท้าแพง

3 ระดับความรุนแรงของข้อเท้าแพง

กระดูกส้นเท้าแตก

กระดูกส้นเท้าแตก

เมืองจันท์เป็นเมืองผลไม้ เมื่อใกล้ถึงเวลาตัดกิ่งหรือเก็บผลไม้ หมอได้พบเจอคนไข้หลายรายที่ประสบอุบัติเหตุ ตกต้นไม้ กระดูกส้นเท้าแตก เรียกว่าเจอทุกๆสัปดาห์ที่หมออยู่เวรก็ว่าได้ วันนี้เราจะไปเรียนรู้ เกี่ยวกับ ภาวะกระดูกส้นเท้าแตกกันครับ 1. อาการที่พบ ผู้ป่วยจะมี อาการ ปวดบวมส้นเท้า ลงน้ำหนักไม่ได้ บางรายอาจมีอาการเจ็บหลัง เนื่องจากมีการหักของกระดูกสันหลังร่วมด้วย 2. ภาพรังสิวินิจฉัย เมื่อทำการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัย x ray ร่วมกับ CT scan บริเวณส้นเท้า จะช่วยบอกความรุนแรงของกระดูกส้นเท้าที่หักได้ โดยความรุนแรงขึ้นกับ จำนวนชิ้นกระดูกที่แตก การเคลื่อนที่ของกระดูกและผิวข้อที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะส่วน ข้อใต้ข้อเท้าทางด้านหลัง (Posterior facet of subtalar joint) นอกจากนี้ยัง พบ ลักษณะการผิดรูปของกระดูกส้นเท้าที่สั้นลง กว้างขึ้น เอียงผิดรูป 3. การรักษาเบื้องต้น แนะนำมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจภาพรังสีวินิจฉัย และประเมินแผนการรักษา ในช่วงแรกแนะนำใส่เฝือกอ่อนลดการขยับ ร่วมกับการ ยกขาสูงประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบ เพื่อให้เนื่อเยื่อและผิวหนังโดยรอบยุบบวม 4. ใส่เฝือกหรือผ่าตัดดีกว่ากัน เนื่องจากโดยส่วนใหญ่(ร้อยละ 75) ของการเกิดกระดูกส้นเท้าแตกมักเป็นการแตกเข้าผิวข้อใต้ข้อเท้า จึงมักจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ เพื่อป้องกันผลแทรกซ้อน ได้แก่ ข้อใต้ข้อเท้าเสื่อม ทำให้ปวดเสียวใต้ข้อเท้าเรื้อรัง กระดูกส้นเท้าติดผิดรูป ส่งผลต่อการเดิน การใส่รองเท้า เส้นเอ็น เส้นประสาท ถูกกดทับจากกระดูกส้นเท้าที่ติดผิดรูป 5. การรักษาโดยการใส่เฝือก เหมาะสำหรับ กรณีที่กระดูกที่หักไม่เคลื่อนจากภาพ x-ray และ CT scan หรือในคนไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะ มีความเสี่ยงในการผ่าตัด โดยจำเป็นต้องใส่เฝือกเป็นระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ โดยไม่อนุญาติให้ลงน้ำหนัก 6. การรักษาโดยการผ่าตัด ข้อดีคือสามารถเรียงกระดูกและผิวข้อให้ได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด สามารถขยับข้อเท้าได้เร็ว ป้องกันการติดของข้อเท้า ระยะเวลาที่เหมาะสมในการผ่าตัดอยู่ที่ 7-10 วันหลังอุบัติเหตุ อย่างไรก้ตามผลแทรกซ้อนที่ต้องระวังคือการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 25 ในการผ่าตัดแบบแผลเปิดมาตรฐาน ในปัจจุบันมีเทคนิค #การผ่าตัดแบบแผลเล็ก #การผ่าตัดส่องกล้องช่วย เพื่อลดผลแทรกซ้อนแผลผ่าตัดติดเชื้อลง และได้ผลการรักษาไม่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิด 7. เมื่อไรจะเดินลงน้ำหนักได้ ต้องรอจนกระดูกที่ยึดไว้ติดสมบูรณ์ เฉลี่ยอยู่ที่ระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

ภาวะอุ้งเท้าแบน

ภาวะอุ้งเท้าแบน

วิธีกายภาพหลังผ่าตัดเอ็นข้อเท้า

วิธีกายภาพหลังผ่าตัดเอ็นข้อเท้า

การผ่าตัดรักษานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรง (Hallux Valg)

การผ่าตัดรักษานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรง (Hallux Valg)

เคสผู้ป่วยชายวัย 80 ปี มาด้วยอาการนิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรงจนกดเบียดนิ้วชี้และนิ้วกลาง ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันลำบากมาก มีอาการปวดและแผลกดทับเนื่องจากการดูแลทำความสะอาดยากนานกว่า 2 ปี เคสนี้ถือว่าเป็นเคสที่มีปัญหานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรงหรือ **Hallux Valgus**ซึ่งเป็นเคสที่ซับซ้อนและต้องใช้การผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนเพื่อแก้ไข แผนการรักษา ในผู้ป่วยรายนี้ ความผิดรูปของเท้ามีความซับซ้อน หมอได้วางแผนและทำการผ่าตัดโดยวิธีการดังนี้: 1. ผ่าตัดเชื่อมข้อโคนกระดูกนิ้วโป้งเท้า เพื่อปรับแนวกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง 2. ปรับมุมกระดูกนิ้วชี้และนิ้วกลางเพื่อป้องกันการเบียดหรือกดกัน 3. ยืดเส้นเอ็นนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง เพื่อให้การเคลื่อนไหวของนิ้วกลับมาเป็นปกติ ผลลัพธ์หลังผ่าตัด ✳️ ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ แนวกระดูกเท้ากลับมาเรียงตรงดี ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น อาการปวดและแผลกดทับก็หายไป คำแนะนำ หากใครที่มีปัญหากระดูกนิ้วเท้าเริ่มเอียงหรือผิดรูป อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นมากจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ บทความโดย**นพ.ปริญญา มณีประสพโชค**ศัลยแพทย์ออโธปิดิกส์ อนุสาขาศัลยกรรมกระดูกเท้าและข้อเท้า ติดต่อนัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php