ภาวะอุ้งเท้าแบน
บทความที่เกี่ยวข้อง
-(16-03-2023)-(17-01-17).png)
พฤติกรรมทำให้ “เอ็นร้อยหวายอักเสบ”
พฤติกรรมทำให้ “เอ็นร้อยหวายอักเสบ” รักษาเนิ่นๆหายได้ไม่ต้องผ่าตัด เอ็นร้อยหวายเป็นเส้นเอ็นที่ใหญ่สุดในร่างกาย เชื่อมต่อกล้ามเนื้อน่องกับส้นเท้า มีผลในการเดิน วิ่ง และการกระโดด เมื่อมีการเดิน วิ่ง หรือกระโดดที่แรงซ้ำๆ ทำให้เกิดภาวะเอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles Tendinitis) ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคที่หนักหนาอะไรแต่ก็สร้างความหงุดหงิดใจและการหยุดชะงักของชีวิตและกิจกรรมออกกำลังสุดโปรดไปได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเอ็นร้อยหวายอักเสบ อายุที่มากขึ้น ตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ภาวะโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน , ไทรอยด์ ยาบางกลุ่ม เช่น การทานยาสเตรียรอยด์ เป็นเวลานานๆ เป็นต้น ออกกำลังกายหนักใช้ขาเป็นเวลานาน เช่น การเดิน,วิ่ง,กระโดด กลุ่มคนทำงานที่ยืนหรือเดินนานๆ กล้ามเนื้อน่องไม่แข็งแรงและตึงมากเมื่อออกกำลังกาย ทำให้เพิ่มแรงและความเครียดต่อเอ็นร้อยหวาย คนที่มีกระดูกงอกบริเวณส้นเท้าจะทำให้เกิดการเสียดสีกับเอ็นร้อยหวาย ทำให้เกิดอาการปวดหรืออักเสบได้ ใส่รองเท้าส้นสูงยืนเดินเป็นเวลานาน หรือใส่รองเท้าที่ไม่พอดีกับเท้าหรือพื้นรองเท้าเสื่อมสภาพ เล่นกีฬาที่ต้องเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วหรือหยุดแบบกะทันหัน อาการทั่วไปของเอ็นร้อยหวายอักเสบที่พบได้บ่อย เอ็นร้อยหวายอักเสบจะมีอาการเจ็บ บวม แดงบริเวณเอ็นร้อยหวาย อาจเจ็บลามไปถึงกล้ามเนื้อน่อง เมื่อมีอาการปวดตรงส้นเท้าควรพัก หยุดจากการวิ่ง แล้วใช้การประคบเย็นช่วย ซึ่งประคบบ่อย ๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น อาการปวดควรหาย 100% ก่อนกลับมาวิ่งหรือออกกำลังกายอีกครั้ง เพราะถ้าวิ่งโดยที่มีอาการปวดอยู่จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นและต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานขึ้น โดยอาการที่พบบ่อย มีอาการปวดอย่างรุนแรง หลังการออกกำลังกาย ปวดและบวมบริเวณเหนือส้นเท้า ในขณะที่เดิน หรือเมื่อยืดข้อเท้า รู้สึกตึงตามแนวเอ็นร้อยหวาย มักมีอาการมากตอนเช้าหลังตื่นนอน วิธีการรักษาเอ็นร้อยหวายอักเสบ กรณี ไม่ผ่าตัด แพทย์จะทำการประเมินอาการ และให้รับประทานยาตามอาการ งดสวมใส่รองเท้าที่มีส้น และทำกายกายภาพบำบัด เพื่อให้เอ็นร้อยหวายกลับมายืดหยุ่นและแข็งแรงได้ตามเดิม กรณี ผ่าตัด หากมีการรักษาอาการตามข้างต้นแล้ว ไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการเจ็บเรื้อรัง จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ การรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยนวัตกรรมการส่องกล้อง MIS ก็จะสามารถช่วยได้และได้ผลดีเช่นกัน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอย่างเพียงพอทุกครั้งก่อนการออกกำลังกาย ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน่อง ค่อย ๆ เพิ่มความแรงของการออกกำลังกาย การฝึกวิ่งควรเพิ่มระยะทางและความเร็วอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใส่รองเท้าที่เหมาะสมและพอดีเท้า ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ฺBDMS สถานีสุขภาพ
-(16-08-2023)-(09-04-40).jpg)
ปวดส้นเท้ารองช้ำเรื้อรัง
เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัดกระดูก ปวดส้นเท้ารองช้ำเรื้อรัง… ระวังเสี่ยงกระดูกงอกใต้ส้นเท้า หากใครมีอาการปวดส้นเท้า ปวดคล้ายถูกมีดทิ่มส้นเท้า โดยเฉพาะช่วงก้าวแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือหลังการยืนเป็นระยะเวลานาน… คุณอาจจะกำลังเป็นโรครองช้ำเรื้อรัง ที่มีกระดูกงอกร่วมด้วย ดังเช่นคนไข้รายนี้ จากภาพ รังสีวินิจฉัย พบกระดูกงอกส้นเท้า ความยาว 8 มิลลิเมตร คนไข้ได้รับการรักษาด้วยวิธีการอนุรักษ์นิยมแล้วอาการปวดยังไม่ดีขึ้น ปวดทุกก้าวที่เดิน หมอจึงพิจารณาทำการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้อง ยืดเอ็นร้อยหวาย ยืดพัดผืดฝ่าเท้า และ เอากระดูกงอกส้นเท้าออก ( Endoscopic gastrocnemius recession, Endoscopic plantar fascia release, Endoscopic heel spur removal) โดยแผลผ่าตัดผ่านกล้องมีขนาดเล็ก ฟื้นตัวได้ไว ประมาณ 4-6สัปดาห์ ก็สามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ โดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค ศัลยแพทย์ ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางกระดูกเท้าและข้อเท้า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888
-(06-07-2023)-(15-51-00).png)
กระดูกส้นเท้าแตก
เมืองจันท์เป็นเมืองผลไม้ เมื่อใกล้ถึงเวลาตัดกิ่งหรือเก็บผลไม้ หมอได้พบเจอคนไข้หลายรายที่ประสบอุบัติเหตุ ตกต้นไม้ กระดูกส้นเท้าแตก เรียกว่าเจอทุกๆสัปดาห์ที่หมออยู่เวรก็ว่าได้ วันนี้เราจะไปเรียนรู้ เกี่ยวกับ ภาวะกระดูกส้นเท้าแตกกันครับ 1. อาการที่พบ ผู้ป่วยจะมี อาการ ปวดบวมส้นเท้า ลงน้ำหนักไม่ได้ บางรายอาจมีอาการเจ็บหลัง เนื่องจากมีการหักของกระดูกสันหลังร่วมด้วย 2. ภาพรังสิวินิจฉัย เมื่อทำการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัย x ray ร่วมกับ CT scan บริเวณส้นเท้า จะช่วยบอกความรุนแรงของกระดูกส้นเท้าที่หักได้ โดยความรุนแรงขึ้นกับ จำนวนชิ้นกระดูกที่แตก การเคลื่อนที่ของกระดูกและผิวข้อที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะส่วน ข้อใต้ข้อเท้าทางด้านหลัง (Posterior facet of subtalar joint) นอกจากนี้ยัง พบ ลักษณะการผิดรูปของกระดูกส้นเท้าที่สั้นลง กว้างขึ้น เอียงผิดรูป 3. การรักษาเบื้องต้น แนะนำมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจภาพรังสีวินิจฉัย และประเมินแผนการรักษา ในช่วงแรกแนะนำใส่เฝือกอ่อนลดการขยับ ร่วมกับการ ยกขาสูงประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบ เพื่อให้เนื่อเยื่อและผิวหนังโดยรอบยุบบวม 4. ใส่เฝือกหรือผ่าตัดดีกว่ากัน เนื่องจากโดยส่วนใหญ่(ร้อยละ 75) ของการเกิดกระดูกส้นเท้าแตกมักเป็นการแตกเข้าผิวข้อใต้ข้อเท้า จึงมักจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ เพื่อป้องกันผลแทรกซ้อน ได้แก่ ข้อใต้ข้อเท้าเสื่อม ทำให้ปวดเสียวใต้ข้อเท้าเรื้อรัง กระดูกส้นเท้าติดผิดรูป ส่งผลต่อการเดิน การใส่รองเท้า เส้นเอ็น เส้นประสาท ถูกกดทับจากกระดูกส้นเท้าที่ติดผิดรูป 5. การรักษาโดยการใส่เฝือก เหมาะสำหรับ กรณีที่กระดูกที่หักไม่เคลื่อนจากภาพ x-ray และ CT scan หรือในคนไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะ มีความเสี่ยงในการผ่าตัด โดยจำเป็นต้องใส่เฝือกเป็นระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ โดยไม่อนุญาติให้ลงน้ำหนัก 6. การรักษาโดยการผ่าตัด ข้อดีคือสามารถเรียงกระดูกและผิวข้อให้ได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด สามารถขยับข้อเท้าได้เร็ว ป้องกันการติดของข้อเท้า ระยะเวลาที่เหมาะสมในการผ่าตัดอยู่ที่ 7-10 วันหลังอุบัติเหตุ อย่างไรก้ตามผลแทรกซ้อนที่ต้องระวังคือการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 25 ในการผ่าตัดแบบแผลเปิดมาตรฐาน ในปัจจุบันมีเทคนิค #การผ่าตัดแบบแผลเล็ก #การผ่าตัดส่องกล้องช่วย เพื่อลดผลแทรกซ้อนแผลผ่าตัดติดเชื้อลง และได้ผลการรักษาไม่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิด 7. เมื่อไรจะเดินลงน้ำหนักได้ ต้องรอจนกระดูกที่ยึดไว้ติดสมบูรณ์ เฉลี่ยอยู่ที่ระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888