การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) กับ การทำอิ๊กซี่ (ICSI)

ปัจจุบันการทำเด็กหลอดแก้วเป็นอีก 1 ทางเลือกของคู่รักที่ต้องการมีบุตร เนื่องจากปัญหาภาวะมีบุตรยากที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของไข่หรืออสุจิ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน อายุที่เพิ่มขึ้น หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ต้องหาวิธีการช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตร เมื่อเทคโนโลยีการช่วยเจริญพันธุ์อื่นใช้ไม่ได้ผลการทำเด็กหลอดแก้วนับเป็นทางเลือกที่ถูกนึกถึง แต่บ่อยครั้งที่มักจะสับสนระหว่างการทำเด็กหลอดแก้วไอวีเอฟ (IVF) กับการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีจึงสรุปมาให้เข้าใจง่ายมากขึ้น

1. การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)

  • กระบวนการ:

    • นำไข่และอสุจิมาผสมกันนอกตัวในห้องปฏิบัติการ อสุจิจะเข้าไปเจาะไข่เอง ซึ่งคล้ายกับการปฏิสนธิในธรรมชาติ

    • เริ่มจากการตรวจความพร้อมของผู้หญิงในวันที่ 2-3 ของรอบเดือน และฉีดยากระตุ้นไข่ประมาณ 8-14 วัน

    • เมื่อได้ไข่ตามที่ต้องการ จะฉีดยากระตุ้นไข่ตกและเก็บไข่

    • อสุจิที่เก็บจากผู้ชายจะนำมาผสมกับไข่ในห้องปฏิบัติการ

    • ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นจะถูกย้ายไปยังโพรงมดลูกหลังจาก 3-5 วัน

2. การทำอิ๊กซี่ (ICSI)

  • กระบวนการ:

    • เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาอสุจิไม่สามารถเจาะไข่ได้

    • ใช้เข็มฉีดอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง

    • เริ่มต้นคล้ายกับ IVF โดยการฉีดยากระตุ้นไข่ และเก็บไข่ด้วยการเจาะ

    • ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นจะถูกย้ายไปยังโพรงมดลูกหลังจากเติบโตในห้องปฏิบัติการ

ข้อแตกต่างหลัก

  • IVF: อสุจิจะผสมกับไข่เองในจานเพาะเลี้ยง

  • ICSI: อสุจิถูกฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง

ปรึกษาและนัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร 039-319888

บทความที่เกี่ยวข้อง

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

เครียดมากเกินไป ส่งผลให้มีบุตรยาก!

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านการทำงาน และปัจจัยในด้านต่าง ๆ ล้วนส่งผลกระทบให้ผู้คนเกิดความเครียด และความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความเครียดนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการมีบุตร หรือทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากขึ้นได้ โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง หากเกิดความเครียด อาจจะก่อให้เกิดภาวะการตกไข่ที่ผิดปกติ หรือไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์หรือมีบุตรนั้นลดลงไปด้วย หากรู้อย่างนี้แล้วต้องรู้จักระวังตัวเอง อย่าปล่อยให้เกิดความเครียดมากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในจิตใจได้ พร้อมด้วยการปรับพฤติกรรม และ Lifestyle ต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมต่อการมีบุตรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไปด้วยกันทั้งครอบครัว ​ ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ BDMS WELLNESS CLINIC https://www.bdmswellness.com/ ปรึกษามีบุตรยากและนัดหมายแพทย์ติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงำยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

ตรวจคุณภาพอสุจิ

ตรวจคุณภาพอสุจิ

บางครั้งปัญหาการมีบุตรยากไม่ได้มาจากฝ่ายหญิงเสมอไป การเตรียมความพร้อมเพื่อมีเจ้าตัวเล็กนั้น การตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อหรือน้ำอสุจิ (Semen Analysis) ของฝ่ายชายเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยประเมินคุณภาพและปริมาณของตัวอสุจิ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับการวินิจฉัยและวางแผนการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักน้ำอสุจิ “น้ำเชื้อ” หรือ “น้ำอสุจิ” (Semen) เป็นของเหลวที่ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยง มีลักษณะสีขาวข้นและหลั่งออกจากร่างกายผู้ชายเมื่อถึงจุดสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การช่วยตัวเอง หรือจากฝันเปียก (Wet Dream) ในแต่ละครั้งจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 3-4 มิลลิลิตร และมีจำนวนอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300-500 ล้านตัว ประโยชน์ของการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิเป็นวิธีที่สำคัญในการประเมินภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ปัจจัยที่ต้องพิจารณา ได้แก่: ความผิดปกติของจำนวนตัวอสุจิ: อาจเกิดจากท่อนำอสุจิตีบหรือตัน หรืออัณฑะไม่สร้างตัวอสุจิ การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ: หากตัวอสุจิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดี อาจไม่สามารถว่ายผ่านปากมดลูกไปพบกับไข่ รูปร่างของตัวอสุจิ: ตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติจะส่งผลกระทบต่อการปฏิสนธิ ควรตรวจน้ำอสุจิเมื่อไร โดยทั่วไปประชากรประมาณ 15% มีปัญหามีบุตรยาก ดังนั้นการตรวจน้ำอสุจิจึงแนะนำให้ทำเมื่อมีเกณฑ์ภาวะมีบุตรยาก แต่ในบางกรณีอาจต้องการตรวจเร็วกว่านั้น เช่น: มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อคุณภาพตัวอสุจิ เช่น โรคตับ โรคไต หรือประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณภาพน้ำอสุจิจะเริ่มลดลงหลังอายุ 30 ปี และเห็นผลชัดเจนในอายุ 40 ปี ภรรยาอายุมากกว่า 37 ปี ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการมีบุตร วิธีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ การตรวจน้ำอสุจิใช้มาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก (WHO Criteria) โดยรวมถึงขั้นตอนดังนี้: การตรวจดูด้วยตาเปล่า (Macroscopic Examination): ตรวจสอบลักษณะทั่วไป เช่น สี ความขุ่น และปริมาตร การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Examination): ตรวจสอบจำนวนตัวอสุจิ อัตราการเคลื่อนไหว และรูปร่าง เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Assisted Sperm Analysis: CASA) ซึ่งให้ผลการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง ลดความเบี่ยงเบนจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การแปลผลตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ ผลการตรวจน้ำอสุจิจะถือว่าปกติเมื่อมีค่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดโดย WHO ได้แก่: ปริมาณน้ำอสุจิ ≥ 1.5 มิลลิลิตร ความเข้มข้นของตัวอสุจิ ≥ 15 ล้านตัว/มิลลิลิตร การเคลื่อนไหว ≥ 40% รูปร่างอสุจิที่ปกติ ≥ 4% ข้อปฏิบัติในการเก็บน้ำอสุจิ ก่อนการตรวจควรงดการหลั่งอสุจิอย่างน้อย 3-7 วัน และต้องเก็บน้ำอสุจิในภาชนะที่สะอาด โดยไม่ควรใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากอาจมีสารที่ทำลายตัวอสุจิ ข้อจำกัดในการเก็บน้ำอสุจิ ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บน้ำอสุจิด้วยตนเองได้ สามารถใช้วิธีหลั่งภายนอกใส่ภาชนะที่โรงพยาบาลจัดให้ แต่การเก็บอาจมีปริมาณน้อยหรือคุณภาพลดลงได้ นอกจากนี้ ควรนำส่งน้ำอสุจิไปยังห้องปฏิบัติการภายใน 1 ชั่วโมงหลังการเก็บ สรุป การตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีลูก โดยช่วยให้คู่รักสามารถวางแผนและหาทางออกในการมีบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบปัญหาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขและวางแผนการรักษาต่อไป นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

อายุคุณผู้หญิงกับโอกาสตั้งครรภ์

อายุคุณผู้หญิงกับโอกาสตั้งครรภ์

ปัจจุบันภาวะมีบุตรยากกลายเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคู่สามีภรรยายุคใหม่ เนื่องจากหลายคนเลือกที่จะแต่งงานในช่วงเวลาที่ช้าขึ้นและมีอายุมากขึ้น ส่งผลให้สมรรถภาพในการมีบุตรลดลง คำถามที่ผู้หญิงมักสงสัยคือ สามารถตั้งครรภ์ได้ถึงอายุเท่าไร และทำไมเมื่ออายุมากขึ้นโอกาสในการตั้งครรภ์ถึงลดลง ดังนั้น การมีความรู้และการวางแผนชีวิตคู่ในเรื่องการตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญ เพื่อให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงความรู้สึกเสียดายว่า "สายเกินไป" ในการมีลูก อายุของผู้หญิงกับโอกาสในการตั้งครรภ์ ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ได้แก่: ความคลาดเคลื่อนของโครโมโซม เซลล์ร่างกายมนุษย์มีโครโมโซมทั้งหมด 46 ชิ้นหรือ 23 คู่ การเกิดทารกเริ่มต้นจากการรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์จากพ่อและแม่ ซึ่งจะนำเอาสารพันธุกรรมมารวมกัน หากไข่ไม่สามารถแบ่งโครโมโซมได้อย่างถูกต้อง อาจเกิดไข่ที่มีโครโมโซมผิดปกติได้ เช่น 24 ชิ้นหรือ 22 ชิ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาของตัวอ่อนที่อาจมีปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการแท้งบุตรหรือการเกิดความผิดปกติในร่างกายและสติปัญญา พลังงานในเซลล์ไข่ เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น พลังงานในเซลล์ไข่จะลดลง ทำให้กระบวนการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของตัวอ่อนมีประสิทธิภาพต่ำลง อาจส่งผลให้ไม่สามารถฝังตัวในโพรงมดลูกได้หรือหยุดการเจริญเติบโตในระหว่างการพัฒนา อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลง การแท้งบุตรเพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงในการคลอดบุตรที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม ดังนั้น การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มีอายุมากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด ตั้งคำถามเมื่อเริ่มใช้ชีวิตคู่ ความสุขในการใช้ชีวิตคู่คืออะไร? คุณต้องการใช้ชีวิตคู่กันเพียงแค่สองคนหรือไม่? มีความต้องการมีบุตรมากแค่ไหน? หากต้องการมีบุตร ควรพร้อมตั้งครรภ์เมื่ออายุเท่าใด และจะมีปัญหาอะไรบ้าง? หากต้องการมีบุตรหลายคน แต่เริ่มตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก เช่น 39 ปี จะมีอุปสรรคใดบ้าง? วิธีการช่วยให้ตั้งครรภ์ได้ตามที่ตั้งใจ ปัจจุบันมีวิธีการช่วยให้สามารถตั้งครรภ์ได้ตามที่ตั้งใจ เช่น การทำ IUI (Intrauterine Insemination) ซึ่งเป็นการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงและฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกในช่วงไข่ตก และการทำ IVF (In Vitro Fertilization) ที่เจาะเก็บไข่สุกและนำไปผสมกับอสุจิในหลอดทดลอง จนเกิดเป็นตัวอ่อนที่พร้อมจะนำกลับไปฝังในโพรงมดลูก ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมสหาสาขาวิชาชีพที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้การตั้งครรภ์ประสบผลสำเร็จอย่างดีที่สุด ปรึกษาและนัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php สอบถามเพิ่มเติมติดต่อคลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีโทร 039-319888

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี : สู่เส้นทางการเเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับครอบครัวที่ใฝ่ฝันมีเจ้าตัวน้อย สำหรับคู่รักที่มีความหวังในการมีบุตร แต่พบกับความยากลำบาก IUI (Intra-Uterine Insemination) หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมในเบื้องต้น ด้วยขั้นตอนที่ใกล้เคียงกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ขั้นตอนการเตรียมตัว ฝ่ายชาย จะต้องเตรียมตัวโดยงดการมีเพศสัมพันธ์หรือหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 3 – 7 วันก่อนนัดหมาย ฝ่ายหญิง แพทย์จะทำการติดตามการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวนด์ เพื่อนัดหมายฉีดเชื้อในวันที่ไข่โตเต็มที่ ขั้นตอนการฉีดเชื้อ ฝ่ายชายเก็บน้ำเชื้ออสุจิ น้ำเชื้อจะผ่านการคัดเลือกตัวอสุจิที่แข็งแรง (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) ฝ่ายหญิงจะนอนบนเตียงตรวจทางสูตินรีเวช โดยแพทย์ใช้เครื่องมือขยายช่องคลอด แพทย์จะฉีดน้ำเชื้ออสุจิประมาณ 0.3 มิลลิลิตรเข้าสู่โพรงมดลูกอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นฝ่ายหญิงจะนอนพักประมาณ 20 – 30 นาที ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดเชื้อ ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ หากมีอาการปวดท้องหรือเลือดออกเล็กน้อยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น ทำไมเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี? บริการ IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีมุ่งเน้นการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสหสาขาวิชาชีพ ด้วยมาตรฐานระดับสากล ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงและภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากคุณคือคู่รักที่มีความฝันในการสร้างครอบครัว การเลือก IUI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีอาจเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จในเส้นทางนี้. ปรึกษาและนัดหมายแพทย์ได้ที่ https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

เรื่องชวนสงสัยของคนอยากมีลูก

เรื่องชวนสงสัยของคนอยากมีลูก

การมีลูกเป็นของขวัญที่สำคัญและมักมาพร้อมกับคำถามมากมาย การมีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่ช่วยลดความกังวล ยังช่วยให้พ่อแม่สามารถวางแผนได้อย่างมั่นใจ ช่วงอายุกับการมีลูก อายุเป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งครรภ์ โดยความเสี่ยงในการมีลูกจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะในเรื่องของการแท้งบุตรและความเสี่ยงต่อภาวะดาวน์ซินโดรม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมีลูกคืออายุ 20-35 ปี อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้แม้จะมีอายุมากกว่า 35 ปี หากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ ปัจจัยเพิ่มเติมที่ควรพิจารณาคือ ผู้หญิงที่มีช็อกโกแลตซีสต์หรือเคยผ่าตัดรังไข่อาจมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยลง ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ความเครียดและผลกระทบต่อการมีบุตร ความเครียดเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีบุตรอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เครียดมากอาจส่งผลให้รังไข่ไม่ทำงานอย่างเหมาะสม ทำให้ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอและไข่ไม่ตก ทำให้ลดโอกาสในการตั้งครรภ์ ในกรณีของผู้ชาย ความเครียดอาจทำให้ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ลดลง ซึ่งทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าคู่แต่งงานใหม่มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุดหลังแต่งงานประมาณ 6 เดือน หากฝ่ายหญิงยังไม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ต่อไป การฝากไข่และแช่แข็งน้ำเชื้อ การฝากไข่และแช่แข็งน้ำเชื้อได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการมีลูกในอนาคต แต่ยังไม่มีคู่ แม้จะไม่มีการันตีว่าการฝากไข่หรือแช่แข็งน้ำเชื้อจะทำให้ตั้งครรภ์ได้แน่นอน แต่ช่วยรักษาคุณภาพของไข่และน้ำเชื้อในช่วงเวลาที่ฝากไว้ได้เป็นอย่างดี หากไข่ถูกฝากไว้นานกว่า 10 ปี อาจเสื่อมสภาพบางส่วน แต่ในกรณีของน้ำเชื้อ สามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 10 ปีโดยไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ไข่ที่ถูกแช่แข็งอาจมีอัตราการรอดชีวิตหลังการละลายอยู่ที่ 80-90% ความสำเร็จในการตั้งครรภ์ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของไข่และน้ำเชื้อ รวมถึงสุขภาพและความพร้อมของคุณแม่ด้วย โอกาสแท้งเมื่อมีการตั้งครรภ์ ทั่วไปแล้ว โอกาสแท้งมักสูงที่สุดในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ การวิจัยพบว่า 70% ของการแท้งมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของโครโมโซมในตัวอ่อน ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสแท้งยิ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรพิจารณาเมื่อวางแผนการตั้งครรภ์ การจัดการกับการมีบุตรยาก คู่รักที่ประสบปัญหามีบุตรยากอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การตรวจวันไข่ตก, การกระตุ้นไข่ และการทำเด็กหลอดแก้ว โดยการผสมไข่และน้ำเชื้อในห้องแล็บแล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายผู้หญิง นอกจากนี้ การตรวจโครโมโซมยังช่วยลดโอกาสการแท้งและความเสี่ยงต่อภาวะดาวน์ซินโดรม ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร ความเสี่ยงในการมีบุตรในอายุมาก สำหรับคุณแม่ที่ต้องการมีลูกเมื่ออายุมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด โดยต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เช่น โอกาสแท้งและภาวะดาวน์ซินโดรม ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้หญิง เมื่อผู้หญิงอายุ 37 ปีขึ้นไป ประจำเดือนมักจะมาน้อยลงและไข่ก็จะลดจำนวนลง นอกจากนี้ในกรณีที่ฝ่ายชายทำหมันแล้วต้องการมีลูก การใช้เทคโนโลยีเด็กหลอดแก้วจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการผ่าตัดต่อหมัน การวางแผนครอบครัว การวางแผนครอบครัวเป็นสิ่งที่คู่สามีภรรยาควรทำร่วมกันอย่างชัดเจน เพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ หากแผนการเปลี่ยนไปจากที่วางไว้ ควรมีการปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และการใช้ชีวิตคู่ เพื่อให้การมีลูกเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุขในอนาคต นัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก

10 พฤติกรรมเสี่ยงมีลูกยาก 10 พฤติกรรมมีลูกยาก รู้ก่อนวางแผนมีบุตร ลดโอกาสแท้ง-ดาวน์ซินโดรมในเด็ก จริงอยู่ที่ตอนนี้สาวยุคใหม่ หลายคนยังไม่คิดที่จะแต่งงานหรือมีลูก แต่ในอนาคตเมื่อความพร้อมถึงขีดสุด คุณอาจจะอยากมีเจ้าตัวเล็กเอาไว้เป็นยาใจ และครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมก็ได้ แล้วรู้หรือไม่มีหลากหลายพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเลยทีเดียวที่หากทำบ่อยๆ สะสมมากๆ อาจส่งผลกระทบมาถึงภาวะการมีลูกยากได้ 10 พฤติกรรมควรเลี่ยงเสี่ยงมีลูกยาก ดื่มแอลกอฮอล์มากไป ผลให้โอกาสในการมีลูกลดลงถึง 50% เลยทีเดียว หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 ดริ๊งค์ หรือเทียบเท่ากับไวน์ 120 มิลลิลิตร สูบบุหรี่เป็นประจำ การสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 10 มวน ส่งผลให้มีลูกยากได้กว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 3 เท่า เพราะในบุหรี่มีสารพิษมากมายที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แถมยังมีส่วนช่วยลดประสิทธิภาพของมดลูกที่เป็นที่ฝังของตัวอ่อนอีกด้วย ใครที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรืออยากมีลูกควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้แล้วบุหรี่ยังทำให้สาวๆ ถึงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) เร็วกว่าปกติถึง 2 ปี และทำให้กระดูกผุหรือเปราะเร็วขึ้นอีกด้วย อายุที่เพิ่มขึ้น อายุที่มากขึ้นฮอร์โมนและความเปลี่ยนแปลงก็มากขึ้นตามไปด้วย สาวๆ ที่อายุ30ขึ้นไปโอกาสในการมีลูกก็จะลดน้อยลงไปด้วย อีกทั้งอายุที่มากขึ้นอาจ เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาลูกในท้องผิดปกติสูง ดาวน์ซินโดรม โรคตับโต ม้ามโต โรคปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ความเครียด นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจแล้ว ยังกระทบมาถึงการมีลูกยากอีกด้วย เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้เกิดภาวะไม่ตกไข่ทำให้ไข่เจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ อีกทั้งยังทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวที่มดลูกได้ยากขึ้นอีกด้วย กินอาหารไม่มีประโยชน์ การกินอาหารแบบแบบเดิมซ้ำๆ เมนูเดิมๆ ทุกวัน โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ด้วยแล้วล่ะก็ นานวันเข้าจะส่งผลให้สารอาหารเข้าไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ และมีผลต่อภาวะการมีบุตรยากด้วยนะ ควรเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผักและผลไม้ ต้องทานเป็นประจำ น้ำหนักตัวเกิน ใครจะไปรู้ว่าน้ำหนักตัวจะส่งผลต่อการมีลูกได้ น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ หรือน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้ร่างกายปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมต่อการมีลูกได้ยากขึ้น และยังส่งผลให้ความสามารถในการเจริญพันธุ์ลดลง แถมยังเสี่ยงต่อการแท้งง่ายอีกด้วย มีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน ต้องใช้เวลาในการตั้งท้องนานเป็น 4 เท่า ในขณะที่ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ใช้เวลา 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวปกติ ดื่มกาแฟเกินวันละ 2 แก้ว การที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวันหรือเทียบเท่ากับกาแฟชงเอง 3 ถ้วย เพราะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีลูกได้ยากขึ้น เนื่องจากคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะส่งผลให้การตั้งครรภ์นั้นชะลอลง ซึ่งส่งผลให้โอกาสการมีลูกลดน้อยลงถึง 26% เลยทีเดียว ดื่มน้ำอัดลม จริงอยู่ที่ดื่มแล้วชื่นใจ แต่น้ำอัดลมไม่ได้ให้ประโยชน์หรือสารอาหารใดๆ กับร่างกาย แถมมีน้ำตาลสูงและทำให้เกิดภาวะอ้วน จึงไม่แปลกเลยที่ถ้าหากเรากินเข้าไปเยอะๆ จะทำให้โอกาสมีน้องน้อยลง ไม่ออกกำลังกาย อยากเริ่มต้นการมีสุขภาพที่ดีก็ต้องเริ่มจากการออกกำลังกาย ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงโอกาสที่จะมีลูกก็ลดน้องลงไปด้วย เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายแล้ว ยังกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการเจริญพันธุ์ การทำงานของหัวใจและระดับพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม ร่างกายได้รับสารเคมีต่างๆ มากเกินไป ทั้งสารเคมีจากเครื่องสำอาง จากการสูดดม หรือการทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี สารโลหะหนักอย่างตะกั่ว และสารเคมีต่างๆ ที่สะสมในร่างกายจะส่งผลต่อการทำงานของรังไข่ทำให้เซลล์สืบพันธุ์ทำงานผิดปกติ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมว่าพฤติกรรมในแต่ละวันของเราจะส่งผลต่อการมีบุตรยากได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูกคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทั้งนี้หากต้องการวางแผนมีลูก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เพื่อคัดกรองสุขภาพ และ รับคำแนะนำมาปรับใช้เพิ่มโอกาสการมีลูกที่แข็งแรง ทั้งร่างกายและสุขภาพจิตนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BDMD สถานีสุขภาพ