ภาวะตาแห้ง จากโรคต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน

ภาวะตาแห้ง จากโรคต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน (Meibomian Gland Dysfunction, MGD)

ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำหน้าที่สร้างน้ำมันซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำตา ถ้าต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน น้ำตาก็จะแห้งเร็ว มีอาการแสบตาเวลาใช้สายตานานๆ น้ำตาไหล มองเห็นมัวลง คันเปลือกตา เป็นกุ้งยิงได้บ่อยๆ

ผู้มีปัจจัยเสี่ยงโรคตาแห้ง

    1. โรคเปลือกตาอักเสบ (Blepharitis) จากเชื้อแบคทีเรีย, ตัวไรขนตา โรคตากุ้งยิงบ่อยๆ

    2. โรคภูมิแพ้ขึ้นตา

    3. ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ เป็นระยะเวลานาน

    4. ผู้ที่มีโรคทางตา เช่น โรคต้อหินที่ต้องหยอดยา เคยได้รับการผ่าตัดตา

    5. ผู้ที่ต้องใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เป็นเวลานาน (Computer vision syndrome)

    สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกจักษุ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319896

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    ต้อกระจก (Cataract)

    ต้อกระจก (Cataract)

    ต้อกระจก (Cataract) ต้อกระจกเป็นภาวะที่เลนส์ตาหรือแก้วตามีลักษณะเปลี่ยนเเปลงจากโปร่งใสเหมือนกระจกเป็นขาวขุ่นมากขึ้น เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการตามัวในผู้สูงวัย สาเหตุสำคัญของโรคต้อกระจก คือ เกิดจากความเสื่อมตามวัย ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดต้อกระจก มีดังนี้ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานาน ๆ มีโรคประจำตัวที่ส่งเสริมให้เกิดต้อกระจกได้ เช่น เบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โรคทางตา เช่น ม่านตาอักเสบ ตาติดเชื้อ สายตาสั้นมากๆ เคยผ่าตัดตามาก่อน ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน เคยมีอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนบ่อยๆ การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ เคยโดนฉายรังสีในส่วนบนร่างกาย ศีรษะ อาการต้อกระจก มองไม่ชัดอย่างช้า ๆ ไม่มีการอักเสบหรือปวด เห็นภาพมัวเหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับและตำแหน่งของความขุ่นในเนื้อเลนส์ ภาพซ้อน สายตาพร่า เกิดจากความขุ่นของเลนส์แก้วตาไม่เท่ากัน การหักเหของแสงไปที่จอประสาทตา จึงไม่รวมเป็นจุดเดียว ในผู้ป่วยบางรายจะมีสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นตาบ่อย ๆ บางรายสายตาสั้นขึ้น จนกลับมาอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใส่แว่น สู้แสงสว่างไม่ได้ มองเห็นแสงไฟกระจาย โดยเฉพาะขณะขับรถในตอนกลางคืน มองเห็นสีต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องการแสงสว่างมากขึ้นในการมอง เมื่อต้อกระจกสุก อาจสังเกตเห็นเป็นสีขาวตรงรูม่านตา ซึ่งปกติเห็นเป็นสีดำ หากละเลยทิ้งไว้จนต้อกระจกสุกเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคต้อหิน การอักเสบภายในตา ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตา ตาแดง และอาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้ การรักษาต้อกระจก ในระยะแรกที่เริ่มเป็นน้อย ๆ แพทย์อาจยังไม่ได้ทำการรักษา แต่เมื่อต้อสุกแพทย์จะพิจารณาผ่าตัด ซึ่งนับเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน การผ่าตัดต้อกระจก วิธีสลายต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ (Phacoemulsification with Intraocular Lens) วิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน แผลที่กระจกตาเล็กเพียง 3 มม. แพทย์จะสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก ใช้พลังงานความถี่สูงเท่าระดับอัลตราซาวด์ เข้าสลายต้อกระจกจนหมดจึงใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ แผลมีขนาดเล็กมาก ไม่ต้องเย็บแผลในคนไข้ส่วนใหญ่ วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง (Extracapsular Cateract Extraction with Intraocular Lens) วิธีผ่าตัดดั้งเดิมที่ใช้ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งมาก ๆ จนไม่เหมาะกับการสลายด้วยเครื่อง จักษุแพทย์จะเปิดแผลบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มม. เพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่แล้วจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บแผล ป้องกันการเกิดต้อกระจก สวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอ อี และซี ช่วยบำรุงสายตา อย่างไรก็ดี การรับประทานวิตามินเสริม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกได้ แนะนำควรตรวจสายตาเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกจักษุ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319896

    การตรวจลาสายตา (Visual filed exam)

    การตรวจลาสายตา (Visual filed exam)

    ลานสายตา คือ ขอบเขตการมองเห็นทั้งหมดเมื่อเรามองตรงไปข้างหน้าโดยไม่กรอกตาไปมา การตรวจลานสายตาช่วยหาสาเหตุของการสูญเสียลานสายตา หรือ Visual field defect ซึ่งเกิดได้จากทั้งความผิดปกติของตา เช่น ต้อหิน จอประสาทตาลอกหลุด ขั้วประสาทตาอักเสบ การรับประทานยาคลอโรควิน หรืออาจเกิดจากการมีพยาธิสภาพที่ระบบประสาทและสมอง เช่น การที่มีเลือดออกหรือเนื้องอกไปกดสมองส่วนการมองเห็น การตรวจลานสายตานอกจากสามารถช่วยวินิจฉัยความผิดปกติแล้วยังสามารถช่วยพยากรณ์ความรุนแรงของโรคที่เป็นได้อีกด้วย การตรวจลานสายตาเหมาะกับใครบ้าง ผู้ป่วยโรคต้อหิน หรือผู้ที่มีความเสี่ยง/สงสัยเป็นต้อหิน ผู้ที่มีโรคของระบบประสาทและสมอง ผู้ที่ใช้ยาคลอโรควิน ขั้นตอนการตรวจลานสายตา ตรวจการมองเห็นเบื้องต้น จัดท่านั่งหน้าเครื่องตรวจ และทำตามคำแนะนำของผู้ตรวจ ตรวจลานสายตาทีละข้างด้วยเครื่องตรวจลานสายตาตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แนะนำ คำแนะนำก่อนการตรวจตา การตรวจลานสายตาโดยทั่วไปใช้เวลาข้างละประมาณ 6-10 นาที และต้องอาศัยความร่วมมือและสมาธิในการตรวจค่อนข้างมาก จึงแนะนำนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย เนื่องจากการตรวจลานควรมีความผ่อนคลายไม่วิตกกังวล หากมีข้อกังวลสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนการตรวจได้เสมอเพื่อให้การตรวจราบรื่น ไม่เกิดผลการตรวจที่คลาดเคลื่อน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกตา หู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

    สิ่งแปลกปลอมเข้าตา

    สิ่งแปลกปลอมเข้าตา

    สิ่งแปลกปลอมเข้าตา สิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น ผลดิน ทราย เศษเหล็ก สะเก็ดหิน ปูนซีเมนต์ เศษไม้เล็ก ๆ แมลง เป็นต้น เมื่อเข้าตา จะทำให้มีอาการเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล ตาแดง และอาจติดเชื้ออักเสบเป็นหนองใน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้กลายเป็นแผลที่กระจกตา หรือเชื้อโรค อาจลุกลามเข้าไปในลูกตา ทำให้ลูกตาอักเสบทั่วไป (panophthalmitis) ทำให้ลูกตาอักเสบทั่วไป (panophthalmitis) ตาเสียได้ การรักษา ถ้ามีเศษผงเล็ก ๆ ไม่ฝังอยู่ในเนื้อตา อย่าขยี้ตา ให้ลืมตาในน้ำสะอาด หรือล้างตาด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำยาบอริก 3 % ถ้าผงติดอยู่ในเปลือกตาบน ให้ปลิ้นเปลือกตา แล้วใช้สำลี ผ้าก๊อซ หรือผ้าเช็ดหน้าบิดปลายให้แหลม เขี่ยผงออก ถ้าตาแดงอักเสบให้หยอดหรือป้ายยาที่เข้าปฏิชีวนะ ถ้าไม่ดีขึ้นหรือมีเศษผงฝังในกระจกตาหรือเยื่อตาขาว ให้ป้ายยาปฏิชีวนะ แล้วให้ผู้ป่วยหลับตา ใช้ผ้าก๊อซหรือก้อนสำลีวางบนเปลือกตาที่หลับ ปิดพลาสเตอร์เพื่อกันไม่ให้กระพริบตาหรือเคลื่อนไหวลูกตา แล้วส่งโรงพยาบาล อาจต้องหยอดยาชาที่ตา แล้วใช้ปลายเข็มฉีดยาหรืเครื่องมือทางตาเขี่ยเอาผงออก แล้วป้ายยาปฏิชีวนะและปิดตาไว้ อาการเคืองตา ตาอักเสบ มักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกจักษุ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319896

    ม่านตาอักเสบ (Iritis / Anterior uveitis)

    ม่านตาอักเสบ (Iritis / Anterior uveitis)

    ม่านตาอักเสบ (Iritis / Anterior uveitis) ม่านตาอักเสบ เป็นโรคที่พบได้น้อย พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในวัยหนุ่มสาว อาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ หรืออาจเกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้หรือออโตอิมมูน (autoimmune) ก็ได้ สาเหตุม่านตาอักเสบ การลุกลามของโรคติดเชื้อภายนอกลูกตา เช่น แผลที่กระจกตา กระจกตาอักเสบ เยื่อตาขาวอักเสบ การกระทบกระเทือน เช่น ถูกแรงกระแทกที่บริเวณกระบอกตา อาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น วัณโรค ซิฟิลิส โรคเรื้อน สมองอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปวดข้อรูมาตอยด์ **การเกิดม่านตาอักเสบในบางครั้ง อาจไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน อาการม่านตาอักเสบ ปวดตา บางคนอาจปวดมากเมื่ออยู่ที่แจ้ง แต่จะดีขึ้นเมื่ออยู่ในที่ร่ม เคืองตา น้ำตาไหล ตามัว ตาขาวแดงเรื่อ ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับตาดำ โดยไม่มีขี้ตา อาการแทรกซ้อน ในรายที่เป็นรุนแรง ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีเม็ดขาว (หนอง) ที่เกิดจากการอักเสบไปอุดกั้นทางระบายของน้ำเลี้ยงลูกตา ทำให้กลายเป็นต้อหินได้ ในรายที่เป็นนาน ๆ อาจทำให้เป็นต้อกระจกได้เช่นกัน การรักษา โรคนี้ถ้าเป็นเพียงเล็กน้อย มักจะค่อย ๆ หายไปได้เอง ถึงแม้ไม่ได้รับการรักษา แต่ถ้ามีการอักเสบรุนแรง การรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ บางคนอาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง แต่ในที่สุด มักจะหายขาดได้เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ และให้ยาหยอดตาที่ทำให้รูม่านตาขยาย เช่น ยาหยอดตาอะโทรฟีน (Atropine eye drop) หรือยาสเตียรอยด์หยอดตา เป็นต้น ข้อแนะนำ : หากมีอาการปวดตา ตาแดง ร่วมกับตามัว รูม่านตาไม่เท่ากัน หรือกระจกตาขุ่น ควรปรึกษาแพทย์ด่วน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกจักษุ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319896

    ผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียง สิทธิข้าราชการ

    ผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียง สิทธิข้าราชการ

    “ต้อกระจก เป็นแล้วเสี่ยง ตาบอด” คืนความชัดเจนให้ดวงตา ด้วยเทคโนโลยีสลายต้อ #ฟื้นตัวเร็ว พิเศษ #สำหรับข้าราชการและครอบครัว จ่ายในราคา 25,000 บาท รวมค่าบริการและนอนพักฟื้น 1 คืน (จากราคาปกติ 36,000 บาท) #โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี เปิดรับสิทธิ์การรักษาทางการแพทย์กรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า สำหรับข้าราชการและครอบครัว #ผู้มีสิทธิ - ข้าราชการ - ลูกจ้างประจำ - ผู้รับเบี้ยหวัด - ผู้รับบำนาญ #บุคคลในครอบครัวผู้มีสิทธิ - บิดา - มารดา - คู่สมรส - บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขั้นตอนการรับบริการ 1. ตรวจสอบสิทธิ 2. พบแพทย์เฉพาะทาง 3. ประเมินค่าใช้จ่าย 4. นัดผ่าตัด 5. แจ้งลงทะเบียนกับกรมบัญชีกลางก่อนการผ่าตัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 039 319 888 #โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี #BangkokHospitalChanthaburi #สิทธิข้าราชการ #สิทธิ์ข้าราชการ #ข้าราชการ

    ต้อหิน (glaucoma)

    ต้อหิน (glaucoma)

    ต้อหิน (glaucoma) ต้อหินคือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลานสายตา เกิดจากการสูญเสียใยประสาทตาของขั้วประสาทตาซึ่งเกี่ยวข้องกับความดันตาและการสูญเสียลานสายตา การวินิจฉัยโรคต้อหินจึงทำได้ด้วยการตรวจขั้วประสาทตา การวัดความดันตา และการตรวจลานสายตาโดยจักษุแพทย์ ชนิดของต้อหิน 1 แบ่งตามลักษณะของมุมตา ประกอบด้วยต้อหินชนิดมุมตาเปิด และต้อหินมุมตาปิด 2. แบ่งตามสาเหตุ ประกอบด้วยต้อหินชนิดปฐมภูมิที่ไม่มีสาเหตุ และต้อหินชนิดทุติยภูมิที่มีสาเหตุจากโรคตาอื่นๆ เช่น เบาหวานขึ้นตา ต้อกระจก เป็นต้น 3. แบ่งตามลักษณะอาการ ได้แก่ ต้อหินเรื้อรังที่มักไม่มีอาการอะไร และต้อหินเฉียบพลัน ที่มีอาการปวดตา ตาแดง ตามัวทันที การรักษาโรคต้อหิน การรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ดังนี้ 1. การรักษาต้อหินโดยการใช้ยา 2. การรักษาต้อหินโดยการใช้แสงเลเซอร์ 3. การรักษาต้อหินโดยการผ่าตัด ต้อหินเมื่อได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกสามารถช่วยป้องกันภาวะตาบอดได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียสายตาแบบถาวรได้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกโรคตา หู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888