ลิ้นหัวใจรั่วจากพฤติกรรม

“ลิ้นหัวใจรั่ว”จากหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยเงียบจากพฤติกรรมเสี่ยง

ในอดีต เรามักเข้าใจว่า ลิ้นหัวใจรั่ว จะเป็นได้ต้องเกิดจากความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด แต่ในปัจจุบัน กลับเป็นภัยใกล้ตัวและมีปัจจัยเสริมอื่นๆที่ทำให้เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะวัย 40+ ที่ต้องระวัง

ลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) ที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงในคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย โหมหนักงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง จนป่วยด้วยโรคต่างๆมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคไขมันในเลือดสูง จนสุดท้ายภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบที่ทำร้ายหัวใจเราได้โดยตรง

 

สาเหตุของลิ้นหัวใจรั่ว แบ่งเป็น 2 สาเหตุ

  • เกิดจากตัวลิ้นหัวใจเอง อาจเป็นตั้งแต่กำเนิด หรือว่าเป็นตอนโต
  • เกิดจากผลแทรกซ้อนจากโรคอื่น
    • การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อจากแบคทีเรียในลำคอหรือทางเดินหายใจ และเกิดผลแทรกซ้อนตามมา มักจะเกิดในเด็ก ผู้สูงอายุหรือกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายและเกิดลิ้นหัวใจรั่วตามมา ปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่่ อายุที่มากขึ้น หรือ กรรมพันธุ์

 

ความเสี่ยงเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว

  • เป็นตั้งแต่กำเนิด
  • กลุ่มที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • กลุ่มที่มีความเสี่ยงกับภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ได้แก่
    • ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
    • ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
    • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

 

ลิ้นหัวใจรั่วอาการอย่างไร?

  • เสียงหัวใจผิดปกติ เป็นลักษณะเสียงฟู่
  • เริ่มมีอาการตั้งแต่ เหนื่อยง่าย จนกระทั่งหอบเหนื่อย
  • น้ำท่วมปอด นอนราบไม่ได้
  • มีอาการใจสั่น หรือเจ็บหน้าอก
  • มีอาการบวมที่เท้าและข้อเท้า

 

วินิจฉัยโรคลิ้นหัวใจรั่วได้อย่างไร

วินิจฉัยด้วยการฟังเสียงหัวใจ และ X-ray เพื่อดูขนาดของเงาหัวใจ ดูภาวะน้ำท่วมปอด หลังจากนั้นจะใช้การตรวจที่เรียกว่า คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) เพื่อตรวจดูว่า พยาธิสภาพของตัวลิ้นหัวใจผิดปกติอย่างไร รั่วแบบไหน ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะต้องทำการรักษา เช่น การผ่าตัด หรือการรักษาแบบอื่น เฉพาะรายบุคคลไป

 

การป้องกันเพื่อไม่ให้เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว

การออกกำลังกาย หมั่นดูแลตัวเองกินอาหารที่เป็นประโยชน์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด ก็ยังนับเป็นแนวทางป้องกันโรค หากมีอาการใจสั่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย เท้าบวม หรือมีโรคที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรจะพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายและทำตามคำแนะนำจากแพทย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ฺฺBDMS สถานีสุขภาพ