ไลฟ์สไตล์ชีวิต ลดโรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตันจากไขมัน เส้นเลือดจึงต้องทำงานหนัก เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงหัวใจให้ได้เพียงพอ เกิดจากปัจจัย อายุหรือกรรมพันธุ์ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง การไม่ออกกำลังกาย และภาวะอ้วน จะเห็นได้ว่าปัจจัยต่างล้วนเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ผิด ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรค 

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหน่อยไหม? จะได้ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

ปรับเปลี่ยนเรื่อง “อาหาร”

 “การควบคุมอาหาร” มีความสำคัญมากถึง 80% หัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจึงหนีไม่พ้นเรื่องของ “การปรับอาหารการกิน” เป็นหลัก โดยอาหารที่ควรเลือกกิน คืออาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรืออาหารแปรรูปที่มักมีโซเดียม ลดอาหารหวานจัด เลี่ยงแอลกอฮอล์ ขอแนะนำว่าควรแบ่งออกเป็น 4 ส่วน

  • ครึ่งหนึ่งหรือ 2 ส่วน ควรเป็นอาหารจำพวกเส้นใย ผัก ผลไม้ อีก
  • 1 ใน 4 ส่วนจะเป็นข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่
  • ที่เหลืออีก 1 ส่วนคือโปรตีน อย่าง ปลา หรืออกไก่ ไม่ควรกินเนื้อแดงบ่อยๆ เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง

 

ปรับเปลี่ยนเรื่อง “ออกกำลังกาย”

การออกกำลังกาย ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสมในการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็คือการคาร์ดิโอทุกชนิดกีฬา โดยออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ ส่วนการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งอาจทำเพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว

 

ปรับเปลี่ยนเรื่อง “ความอ้วน”

การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง ซึ่งการลดน้ำหนักที่เหมาะสม ก่อนอื่มต้องคำนวณหาค่า BMI โดยใช้น้ำหนักตัว หารด้วย ส่วนสูง ยกกำลังสอง หากพบว่าค่า BMI สูงเกินไป ก็ควรลดน้ำหนักให้ค่า BMI มาอยู่ระหว่าง 18-23 จึงถือว่าพอเหมาะ

เพราะหัวใจเป็นอวัยวะที่ไม่เคยได้หยุดพัก และเป็นจุดศูนย์กลางที่จะส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรา การปรับพฤติกรรมเพื่อช่วยดูแลสุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ไม่ควรมองข้าม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ