ท่านั่งที่ควรเปลี่ยน ถ้าไม่อยากมีอาการปวดหลัง

การนั่งทำงาน อาจจะดูสบาย ๆ แต่ถ้าทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ อาจเป็นภัยเงียบที่คอยทำลายสุขภาพทีละนิดก็เป็นได้ การนั่งทำงานผิดท่าสามารถนำมาซึ่งผลกระทบต่อสุขภาพร้ายแรง บางคนต้องกินยาประจำ บางคนอาจต้องกายภาพบำบัด หรือบางคนอาจถึงขั้นต้องผ่าตัด แต่เพื่อไม่ให้ไปถึงขั้นนั้นควรรีบปรับตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า

4 ท่านั่งทำงาน ที่เสี่ยงทำลายสุขภาพระยะยาว
1.นั่งไขว่ห้าง
2.นั่งขัดสมาธิ
3.นั่งหลังงอ หลังค่อม
4.นั่งไม่เต็มก้น

ทั้งนี้ควรปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง
- ปรับเก้าอี้ให้ได้ระดับเดียวกับโต๊ะ
- นั่งทำงานได้โดยที่ฝ่าเท้าแตะพื้นพอดี
- ข้อศอกตั้งฉาก 90 องศา ขนานไปกับโต๊ะ
- หลังต้องชิดติดกับพนักพิง
- บริเวณก้นกบไม่ควรเหลือช่องว่าง
- อาจหาหมอนเล็ก ๆ ม้วนผ้าขนหนู หรือใช้หมอนรองหลัง จะช่วยให้เรานั่งหลังตรงได้อัตโนมัติ ช่วยรับน้ำหนัก ทำให้แผ่นหลังไม่เกร็งตึง และนั่งทำงานนาน ๆ ได้สบายขึ้น

นอกจากปรับท่านั่งแล้ว พื้นที่ทำงานควรมีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และอย่าลืมขยับท่าทางเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายอย่างน้อยทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ให้เลือดได้ไหลเวียน และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฝึกทำให้ชินจนเป็นนิสัย จะได้ไม่ปวดหลัง ปวดไหล่

ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS Wellness Clinic และ BDMS สถานีสุขภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

การออกำลังกายเพื่อลดปวดคอ บ่า ไหล่

การออกำลังกายเพื่อลดปวดคอ บ่า ไหล่

การออกกำลังกายเพื่อลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่

ท่านอนลดอาการปวดหลัง เสริมสร้างคุณภาพการนอนดีขึ้น

ท่านอนลดอาการปวดหลัง เสริมสร้างคุณภาพการนอนดีขึ้น

ท่านอนลดอาการปวดหลัง เสริมสร้างคุณภาพการนอนดีขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์ตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลัง พาลทำให้คุณภาพการนอนของเราแย่ลงใช้ชีวิตลำบากขึ้น แก้ ด้วย 3 ท่านอนนี้! จะช่วยถนอมหลังของคุณได้! อาการปวดหลัง ส่วนใหญ่เกิดจาก ความเครียด น้ำหนักส่วนเกิน การยกของผิดวิธี การนั่งในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ หรือท่านอนที่ไม่เหมาะสม ล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้นะคะ ซึ่งการทำกายภาพบำบัดเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษา เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนท่านอนที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังได้ 3 ท่านอนลดอาการปวดหลัง นอนตะแคงข้างก่ายหมอน นอนตะแคงข้างที่ถนัด หนุนหมอนที่ศีรษะตามปกติ งอเข่าทั้งสองข้างและวางหมอนหนุนไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เข่าแตะที่นอน เพราะกระดูกสันหลังส่วนล่างจะพลิก ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวดหลังและสะโพกได้ นอนหงายหนุนเข่า นอนหงายหนุนหมอนที่ศีรษะ ปล่อยตัวตามสบายโดยวางหมอนหนุนอีกใบไว้ใต้หัวเข่าทั้งสองข้าง เพื่อช่วยรักษาความโค้งของกระดูกสันหลังส่วนล่าง ท่านี้เหมาะสำหรับผู้มีอาการปวดหลังที่ไม่รุนแรงมากนัก นอนคว่ำหนุนหน้าท้อง หากคุณไม่สามารถนอนท่าอื่นๆ ได้ และจำเป็นต้องนอนคว่ำ ให้นอนหนุนหมอนบริเวณช่วงคอและหน้าอกส่วนบน โดยหันใบหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง และนำหมอนหนุนอีกใบวางไว้ใต้บริเวณสะโพก เพื่อผ่อนคลายความตึงของแผ่นหลัง และหากยังรู้สึกตึงหรือเจ็บปวดอยู่ให้นำหมอนหนุนที่ศีรษะออก ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ

กลืนลำบาก

กลืนลำบาก

กลืนลำบาก กลืนลำบากไม่ใช่เรื่องเล็ก กลุ่มเสี่ยงควรดูแลอย่างใกล้ชิดและควรตรวจประเมินการกลืน เพื่อป้องกันกันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียง ผู้ป่วยที่เคยใส่ท่อช่วยหายใจนาน ๆ อาการ สำลัก หรือเจ็บ ขณะกลืนอาหารหรือเคี้ยวอาหารลำบาก รู้สึกอาหารติดในคอหรือมีอาหารออกทางจมูก ไอ หรือ หอบ ขณะหรือหลังรับประทานอาหาร เสียงเปลี่ยน เสียงแหบ หายใจไม่อิ่ม รับประทานอาหารได้ช้า มีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ประโยชน์ของการตรวจการกลืน ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน โดยเฉพาะเรื่องปอดอักเสบจากการสำลักอาหาร ซึ่งอาจก่อผลกระทบรุนแรงถึงชีวิตของผู้ป่วยได้ เพื่อวางแผนการถอดสายให้อาหารในผู้ป่วยรายที่แพทย์ประเมินแล้วว่ามีความสามารถในการกลืนด้วยตนเองได้อย่างปลอดภัย ป้องกันอันตรายจากการสำลักอาหารโดยไม่แสดงอาการในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร

ออกกำลังกายหนักเกินไปมีผลเสียอย่างไร การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมมีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน แต่ในทางกลับกัน การออกกำลังกายมากเกินไปก็สามารถทำให้เกิดผลเสียต่อร่ายกายตามมาได้เช่นกัน โดยการออกกำลังกายมากขึ้นอาจทำให้เกิดผลต่อร่างกายดังต่อไปนี้ เกิดการบาดเจ็บของร่างกาย รบกวนการนอนหลับ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ออกกำลังกายแค่ไหนจึงจะเหมาะสม โดยทั่วไปการออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับประเภทและความหนักของการออกกำลังกายชนิดนั้น ๆ รวมถึงภาวะสุขภาพมีความแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล ดังนั้นแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เทรนเนอร์ และแพทย์ประจำตัว(กรณีมีโรคประจำตัว) เพื่อการวางแผนออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกับตนเอง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

รักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็ก

รักษาอาการปวดด้วยคลื่นแม่เหล็ก

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บจากการกีฬา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คุณทวีศักดิ์ รติภูรี นักฟุตบอลอาชีพ ทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม ประสบอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าขวา ระหว่างการฝึกซ้อมและแข่งขัน โดยมีการบาดเจ็บหลายจุด ได้แก่• เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด (ACL tear)• เอ็นด้านในฉีกขาด (MCL injury)• หมอนรองเข่าด้านนอกฉีกขาด (Lateral meniscus tear)อาการดังกล่าวทำให้เข่าไม่มั่นคง เสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ และอาจส่งผลต่อการลงสนามในอนาคต หลังจากเข้ารับการตรวจ MRI ยืนยันอาการบาดเจ็บ จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โดยเลือกใช้เทคนิค ส่องกล้องผ่าตัดซ่อมแซมเอ็นและหมอนรองเข่า (Arthroscopic ACL, MCL and Lateral Meniscus repair) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้แผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็วการผ่าตัดดำเนินการโดยพญ.อัญชิสา ลีวิสุทธิกุล ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางเวชศาสตร์การกีฬาและการผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าจุดเด่นการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี แผลเล็ก เจ็บน้อย ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อกว่า 20 ท่าน ร่วมกันให้การดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ การฟื้นฟูต่อเนื่องโดยทีมเวชศาสตร์การกีฬาและนักกายภาพบำบัด ที่พร้อมวางแผนฟื้นฟูรายบุคคล ดูแลครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการผ่าตัด ระหว่างพักฟื้น ไปจนถึงการกลับเข้าสนามแข่งขัน โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจที่มอบให้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จของการรักษาไม่ได้จบเพียงแค่การผ่าตัด แต่คือการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ มีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรง และพร้อมกลับไปทำในสิ่งที่รักได้อีกครั้งปัจจุบันคุณทวีศักดิ์อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยมีทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถกลับมาลงสนามแข่งขันในอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ