กระดูกส้นเท้าแตก

👨‍⚕️เมืองจันท์เป็นเมืองผลไม้ เมื่อใกล้ถึงเวลาตัดกิ่งหรือเก็บผลไม้ หมอได้พบเจอคนไข้หลายรายที่ประสบอุบัติเหตุ ตกต้นไม้ กระดูกส้นเท้าแตก เรียกว่าเจอทุกๆสัปดาห์ที่หมออยู่เวรก็ว่าได้ วันนี้เราจะไปเรียนรู้ เกี่ยวกับ ภาวะกระดูกส้นเท้าแตกกันครับ

⚫1. อาการที่พบ

ผู้ป่วยจะมี อาการ ปวดบวมส้นเท้า ลงน้ำหนักไม่ได้ บางรายอาจมีอาการเจ็บหลัง เนื่องจากมีการหักของกระดูกสันหลังร่วมด้วย

⚫2. ภาพรังสิวินิจฉัย

เมื่อทำการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัย x ray ร่วมกับ CT scan บริเวณส้นเท้า จะช่วยบอกความรุนแรงของกระดูกส้นเท้าที่หักได้ โดยความรุนแรงขึ้นกับ

✔จำนวนชิ้นกระดูกที่แตก

✔การเคลื่อนที่ของกระดูกและผิวข้อที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะส่วน ข้อใต้ข้อเท้าทางด้านหลัง (Posterior facet of subtalar joint)

นอกจากนี้ยัง พบ ลักษณะการผิดรูปของกระดูกส้นเท้าที่สั้นลง กว้างขึ้น เอียงผิดรูป

⚫3. การรักษาเบื้องต้น

แนะนำมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจภาพรังสีวินิจฉัย และประเมินแผนการรักษา ในช่วงแรกแนะนำใส่เฝือกอ่อนลดการขยับ ร่วมกับการ ยกขาสูงประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบ เพื่อให้เนื่อเยื่อและผิวหนังโดยรอบยุบบวม

⚫4. ใส่เฝือกหรือผ่าตัดดีกว่ากัน

เนื่องจากโดยส่วนใหญ่(ร้อยละ 75) ของการเกิดกระดูกส้นเท้าแตกมักเป็นการแตกเข้าผิวข้อใต้ข้อเท้า จึงมักจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ เพื่อป้องกันผลแทรกซ้อน ได้แก่

✔ข้อใต้ข้อเท้าเสื่อม ทำให้ปวดเสียวใต้ข้อเท้าเรื้อรัง

✔กระดูกส้นเท้าติดผิดรูป ส่งผลต่อการเดิน การใส่รองเท้า

✔เส้นเอ็น เส้นประสาท ถูกกดทับจากกระดูกส้นเท้าที่ติดผิดรูป

⚫5. การรักษาโดยการใส่เฝือก

เหมาะสำหรับ กรณีที่กระดูกที่หักไม่เคลื่อนจากภาพ x-ray และ CT scan หรือในคนไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะ มีความเสี่ยงในการผ่าตัด โดยจำเป็นต้องใส่เฝือกเป็นระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ โดยไม่อนุญาติให้ลงน้ำหนัก

⚫6. การรักษาโดยการผ่าตัด

ข้อดีคือสามารถเรียงกระดูกและผิวข้อให้ได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด สามารถขยับข้อเท้าได้เร็ว ป้องกันการติดของข้อเท้า ระยะเวลาที่เหมาะสมในการผ่าตัดอยู่ที่ 7-10 วันหลังอุบัติเหตุ

👨‍🔬อย่างไรก้ตามผลแทรกซ้อนที่ต้องระวังคือการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 25 ในการผ่าตัดแบบแผลเปิดมาตรฐาน

🛠 ในปัจจุบันมีเทคนิค #การผ่าตัดแบบแผลเล็ก #การผ่าตัดส่องกล้องช่วย เพื่อลดผลแทรกซ้อนแผลผ่าตัดติดเชื้อลง และได้ผลการรักษาไม่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิด

⚫7. เมื่อไรจะเดินลงน้ำหนักได้

ต้องรอจนกระดูกที่ยึดไว้ติดสมบูรณ์ เฉลี่ยอยู่ที่ระยะเวลา 10-12 สัปดาห์

บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค

💙🦶เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

บทความที่เกี่ยวข้อง

พฤติกรรมทำให้ “เอ็นร้อยหวายอักเสบ”

พฤติกรรมทำให้ “เอ็นร้อยหวายอักเสบ”

พฤติกรรมทำให้ “เอ็นร้อยหวายอักเสบ” รักษาเนิ่นๆหายได้ไม่ต้องผ่าตัด เอ็นร้อยหวายเป็นเส้นเอ็นที่ใหญ่สุดในร่างกาย เชื่อมต่อกล้ามเนื้อน่องกับส้นเท้า มีผลในการเดิน วิ่ง และการกระโดด เมื่อมีการเดิน วิ่ง หรือกระโดดที่แรงซ้ำๆ ทำให้เกิดภาวะเอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles Tendinitis) ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคที่หนักหนาอะไรแต่ก็สร้างความหงุดหงิดใจและการหยุดชะงักของชีวิตและกิจกรรมออกกำลังสุดโปรดไปได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเอ็นร้อยหวายอักเสบ อายุที่มากขึ้น ตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ภาวะโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน , ไทรอยด์ ยาบางกลุ่ม เช่น การทานยาสเตรียรอยด์ เป็นเวลานานๆ เป็นต้น ออกกำลังกายหนักใช้ขาเป็นเวลานาน เช่น การเดิน,วิ่ง,กระโดด กลุ่มคนทำงานที่ยืนหรือเดินนานๆ กล้ามเนื้อน่องไม่แข็งแรงและตึงมากเมื่อออกกำลังกาย ทำให้เพิ่มแรงและความเครียดต่อเอ็นร้อยหวาย คนที่มีกระดูกงอกบริเวณส้นเท้าจะทำให้เกิดการเสียดสีกับเอ็นร้อยหวาย ทำให้เกิดอาการปวดหรืออักเสบได้ ใส่รองเท้าส้นสูงยืนเดินเป็นเวลานาน หรือใส่รองเท้าที่ไม่พอดีกับเท้าหรือพื้นรองเท้าเสื่อมสภาพ เล่นกีฬาที่ต้องเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วหรือหยุดแบบกะทันหัน อาการทั่วไปของเอ็นร้อยหวายอักเสบที่พบได้บ่อย เอ็นร้อยหวายอักเสบจะมีอาการเจ็บ บวม แดงบริเวณเอ็นร้อยหวาย อาจเจ็บลามไปถึงกล้ามเนื้อน่อง เมื่อมีอาการปวดตรงส้นเท้าควรพัก หยุดจากการวิ่ง แล้วใช้การประคบเย็นช่วย ซึ่งประคบบ่อย ๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น อาการปวดควรหาย 100% ก่อนกลับมาวิ่งหรือออกกำลังกายอีกครั้ง เพราะถ้าวิ่งโดยที่มีอาการปวดอยู่จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นและต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานขึ้น โดยอาการที่พบบ่อย มีอาการปวดอย่างรุนแรง หลังการออกกำลังกาย ปวดและบวมบริเวณเหนือส้นเท้า ในขณะที่เดิน หรือเมื่อยืดข้อเท้า รู้สึกตึงตามแนวเอ็นร้อยหวาย มักมีอาการมากตอนเช้าหลังตื่นนอน วิธีการรักษาเอ็นร้อยหวายอักเสบ กรณี ไม่ผ่าตัด แพทย์จะทำการประเมินอาการ และให้รับประทานยาตามอาการ งดสวมใส่รองเท้าที่มีส้น และทำกายกายภาพบำบัด เพื่อให้เอ็นร้อยหวายกลับมายืดหยุ่นและแข็งแรงได้ตามเดิม กรณี ผ่าตัด หากมีการรักษาอาการตามข้างต้นแล้ว ไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการเจ็บเรื้อรัง จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ การรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยนวัตกรรมการส่องกล้อง MIS ก็จะสามารถช่วยได้และได้ผลดีเช่นกัน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอย่างเพียงพอทุกครั้งก่อนการออกกำลังกาย ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน่อง ค่อย ๆ เพิ่มความแรงของการออกกำลังกาย การฝึกวิ่งควรเพิ่มระยะทางและความเร็วอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใส่รองเท้าที่เหมาะสมและพอดีเท้า ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ฺBDMS สถานีสุขภาพ

3 ระดับความรุนแรงของข้อเท้าแพง

3 ระดับความรุนแรงของข้อเท้าแพง

ภาวะอุ้งเท้าแบน

ภาวะอุ้งเท้าแบน

3 สาเหตุ เดินแล้ว...ปวดเท้า

3 สาเหตุ เดินแล้ว...ปวดเท้า

3 สาเหตุ เดินแล้ว...ปวดเท้า

5 กระดูกงอก

5 กระดูกงอก

" กระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า 5 ตำแหน่งยอดนิยม " #ปวดข้อเท้าเรื้อรัง การปวดเท้าหรือข้อเท้าเรื้อรังไม่หาย บางครั้งเมื่อตรวจด้วยภาพรังสีวินิจฉัย #อาจจะพบกระดูกงอกได้ โดยที่กระดูกงอกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บและความเสื่อมของเส้นเอ็น การใช้ข้อเท้าหนักๆจากการเล่นกีฬา กระดูกข้อเสื่อม หรือเป็นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจากการที่ ปุ่มกระดูกมีการเชื่อมตัวผิดปกติ วันนี้หมอจะพามารู้จักกับ 5 ตำแหน่งยอดนิยมของการเกิดกระดูกงอกบริเวณเท้าและข้อเท้า 1.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านหลัง (Haglund’s deformity) กระดูกงอกบริเวณนี้มักสัมพันธ์กับโรคจุดเกาะเอ็นร้อยหวายเสื่อมและอักเสบ เจ็บส้นเท้าด้านหลังเรื้อรัง กล้ามเนื้อน่องตึง ใส่รองเท้าได้ลำบาก 2.กระดูกงอกบริเวณส้นเท้าด้านล่าง (Calcaneal spur) พบได้ในผู้ป่วยโรครองช้ำ มีอาการเจ็บแปล๊บๆบริเวณส้นเท้าโดยเฉพาะช่วงตื่นนอนตอนเช้า 3.กระดูกงอกบริเวณอุ้งเท้าด้านใน (Accessory navicular) เกิดจากการไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกตั้งแต่แรกเกิด (ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 25-30 ในประชากร) ส่งผลให้เส้นเอ็นพยุงอุ้งเท้าที่มาเกาะกระดูกบริเวณนี้เกิดการอักเสบ เกิดอาการปวดข้อเท้าด้านในเรื้อรัง มักพบสัมพันธ์กับภาวะเท้าแบน 4.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหน้า (Anterior ankle impingement) กระดูกงอกชนิดนี้มักพบใน ผู้เล่นกีฬาเป็นประจำ เช่น ฟุตบอล มีอาการปวดข้อเท้าบวมๆยุบๆเป็นๆหาย ปวดมากขึ้นเวลากระดกข้อเท้าขึ้นสุด หรือนั่งยองๆ 5.กระดูกงอกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง (Posterior ankle impingement) สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไม่เชื่อมกันของปุ่มกระดูกบริเวณข้อเท้าด้านหลัง(Os trigonum) ทำให้เกิดกระดูกงอกไปกดเส้นเอ็นและเกิดการอักเสบตามมมา ผู้ป่วยจะมีมีอาการมากขึ้น ในท่าจิกข้อเท้าลงสุด หรือทำกิจกรรมที่ต้อง เขย่งเท้า การรักษาภาวะกระดูกงอกเริ่มด้วยวิธีการอนุรักษ์นิยมก่อน ได้แก่ พักการใช้งาน การประคบเย็น กินยาต้านการอักเสบระยะสั้น การปรับเปลี่ยนรองเท้า การบริหารยืดเส้นเอ็นร้อยหวาย แต่ถ้าหากอาการปวดเรื้อรัง ไม่ดีขึ้นแนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจภาพถ่ายรังสีวินิจฉัย( X-ray) เพื่อประเมินขนาดและการกดทับเนื้อเยื่อโดยรอบ รวมถึงพิจารณาทางเลือก การผ่าตัดนำกระดูกงอกออก โดยวิธีการแบบเปิดหรือส่องกล้อง ที่ให้ผลการรักษาที่ดีเช่นกัน บทความโดย นพ.ปริญญา มณีประสพโชค เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพเท้าที่ดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ #คลินิกศัลยกรรมเท้าและข้อเท้าโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร 039-319888

การผ่าตัดรักษานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรง (Hallux Valg)

การผ่าตัดรักษานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรง (Hallux Valg)

เคสผู้ป่วยชายวัย 80 ปี มาด้วยอาการนิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรงจนกดเบียดนิ้วชี้และนิ้วกลาง ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันลำบากมาก มีอาการปวดและแผลกดทับเนื่องจากการดูแลทำความสะอาดยากนานกว่า 2 ปี เคสนี้ถือว่าเป็นเคสที่มีปัญหานิ้วหัวแม่เท้าเกรุนแรงหรือ **Hallux Valgus**ซึ่งเป็นเคสที่ซับซ้อนและต้องใช้การผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนเพื่อแก้ไข แผนการรักษา ในผู้ป่วยรายนี้ ความผิดรูปของเท้ามีความซับซ้อน หมอได้วางแผนและทำการผ่าตัดโดยวิธีการดังนี้: 1. ผ่าตัดเชื่อมข้อโคนกระดูกนิ้วโป้งเท้า เพื่อปรับแนวกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง 2. ปรับมุมกระดูกนิ้วชี้และนิ้วกลางเพื่อป้องกันการเบียดหรือกดกัน 3. ยืดเส้นเอ็นนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง เพื่อให้การเคลื่อนไหวของนิ้วกลับมาเป็นปกติ ผลลัพธ์หลังผ่าตัด ✳️ ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ แนวกระดูกเท้ากลับมาเรียงตรงดี ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น อาการปวดและแผลกดทับก็หายไป คำแนะนำ หากใครที่มีปัญหากระดูกนิ้วเท้าเริ่มเอียงหรือผิดรูป อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นมากจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ บทความโดย**นพ.ปริญญา มณีประสพโชค**ศัลยแพทย์ออโธปิดิกส์ อนุสาขาศัลยกรรมกระดูกเท้าและข้อเท้า ติดต่อนัดหมายแพทย์ คลิก https://doctor.bangkokhospitalchanthaburi.com/alldoctor.php