มะเร็งตับ (Liver cancer)
มะเร็งตับ นับเป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบบ่อยในประเทศไทย เกิดได้จากหลายสาเหตุ มักแสดงอาการเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ยาก และมีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง
สาเหตุของมะเร็งตับ
- มีภาวะตับอักเสบเรื้อรัง
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- โรคไขมันพอกตับในผู้ที่เป็นโรคอ้วน
- โรคตับคั่งน้ำดี
- โรคตับอักเสบจากระบบภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง
อาการมะเร็งตับ
ผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่มีอาการ ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเลือกโปรแกรมที่ตรวจความผิดปกติของตับอย่างครอบคลุมจึงมีความสำคัญมาก เพราะอาการของโรคมะเร็งตับมักแสดงในระยะที่ลุกลามแล้ว และอาการของมะเร็งตับที่พบบ่อย มีดังนี้
- ปวดจุกบริเวณชายโครงขวาหรือช่องท้องส่วนบน
- เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด
- มีภาวะท้องมาน
- ขาบวม
- ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
- ตาเหลือง ตัวเหลือง
การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ
- การซักประวัติตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือดดูการทำงานของตับ ไวรัสตับอักเสบ และสารบ่งชี้มะเร็งตับ (alpha-fetoprotein)
- การตรวจทางรังสีที่ตับและช่องท้อง เช่น การอัลตราซาวด์(Ultrasound) การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT-Scan) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
- การเจาะตับเพื่อตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งตับ
- มะเร็งตับลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆในร่ากาย
- ตับวาย ทำให้ตับเสียหน้าทีการทำงาน อาจถึงขั้นเสียขีวิตได้
การรักษาโรคมะเร็งตับ
การวางแผนเลือกวิธีการรักษาในผู้ป่วยแต่ละรายอาจจะแตกต่างกันออกไปตามการพิจารณาของแพทย์ โดยวิธี
การรักษาหลักๆมีดังนี้
- การผ่าตัด
- รังสีรักษา
- การให้เคมีบำบัด
- การปลูกถ่ายตับ
การป้องกันโรคมะเร็งตับ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และ ไวรัสตับอักเสบซี
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีควันบุหรี่
- ป้องกันตัวเองด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่ต้องสัมผัสเลือดหรือสิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี และซี
- ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก พักผ่อนอย่างเพียงพอ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888