“เกาต์”โรคข้ออักเสบที่ไม่สามารถหายเองได้

โรคเกาต์ (Gout) จัดเป็นหนึ่งในโรคข้ออักเสบที่เกิดจากการมีระดับกรดยูริกสูงเป็นเวลานาน เผยสัญญาณเริ่มแรกของโรค ปล่อยทิ้งไว้อาจข้อผิดรูป ไตเสื่อมและเกิดโรคนิ่วที่ไต

 

โรคเกาต์ (Gout) โรคข้ออักเสบที่เกิดจากการตกผลึกของ เกลือยูริก บริเวณข้อและเอ็นซึ่งส่วนใหญ่ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานาน ซึ่งหากผลึกยูริกสะสมมากขึ้นเรื่อยๆจะทำให้เกิดก้อนที่เรียกว่า Tophi ในระยะยาวก้อนอาจทำให้ข้อผิดรูปและเสียหน้าที่ในการทำงาน นอกจากนั้นยังทำให้ ไตเสื่อมและเกิดโรคนิ่วที่ไต ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการเกาต์เฉียบพลัน คือ

  • อาการปวด
  • บวมแดงร้อนบริเวณข้อ 

สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์อาการเริ่มแรกมักจะมีอาการปวด บวม แดงตามบริเวณข้อต่อต่างๆ ตามร่างกาย ซึ่งผู้ป่วยมักจะเกิดอาการปวดข้อตามบริเวณต่อไปนี้ 

  • ปวดข้อนิ้วหัวแม่เท้า
  • ปวดข้อเท้า ข้อกลางเท้า
  • ปวดข้อเข่า
  • ปวดข้อมือ ข้อกลางมือ
  • ปวดข้อศอก
  • ปวดตาตุ่มของเท้า

สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ถ้าหากมีอาการปวดตามข้อต่อต่างๆ ตามร่างกายอย่างกะทันหันหรือรุนแรง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป เนื่องจากโรคเกาต์เป็นโรคที่ไม่สามารถหายไปได้เอง แต่อาการปวดรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่เข้ารับการรักษา หรือรักษาไม่ถูกวิธี

 

ผู้ที่ความเสี่ยงโรคเกาต์

  • กรรมพันธุ์ ผู้ชายจะเริ่มอายุ 35-40 ปี ส่วนผู้หญิงเริ่มหลังอายุ 45 ปี หรือหลังจากหมดประจำเดือน
  • อ้วน ถ้าน้ำหนักเกิน จะส่งผลให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้นด้วย
  • การรับประทานอาหารที่มีพิวรีน (Purine) สูง
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • ยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูงบางชนิดจะลดการขับกรดยูริก ยา aspirin ยา niacin ยารักษาวัณโรค เช่น pyrazinamide , ethambutol, เหล่านี้มีผลทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะกระตุ้นให้มีการสร้างกรดยูริกเพิ่ม
  • ไตเสื่อม
  • โรคที่ทำให้กรดยูริกสูงเช่นโรคมะเร็ง โรคเม็ดเลือดแดงแตก
  • ภาวะขาดน้ำ
  • การได้รับอุบัติเหตุที่ข้อ

 

การป้องกันโรคเกาต์

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ลกน้ำหนัก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง (ดังตาราง) งดแอลกอฮอล์  ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 3 ลิตร
  • รับประทาน colchicines 0.6 mg โดยปรับตามการทำงานของไต
  • ในกรณีที่มีข้ออักเสบบ่อย หรือไตเสื่อม หรือมีระดับยูริกในเลือดสูง หรือมีก้อนเกาต์ (To phi) แพทย์จะพิจารณาจ่ายยาลดยูริก ซึ่งควรรับประทานสม่ำเสมอ ยกเว้นผู้ป่วยที่กำลังมีข้ออักเสบและไม่เคยทานยาลดกรดยูริกมาก่อน ควรรอให้ข้อหายอักเสบก่อนจึงจะเริ่มทานยาลดกรดยูริกได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ข้ออักเสบเพิ่มขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : BDMS สถานีสุขภาพ