ไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบ

ไซนัส (Sinuses) หมายถึง โพรงอากาศที่อยู่รอบๆ โพรงจมูกเราทั้งซ้ายและขวา โดยปกติคนเรามีโพรงไซนัส ทั้งหมด 4 แห่ง คือ บริเวณระหว่างตาทั้งสองข้าง บริเวณแก้ม บริเวณหน้าผาก และบริเวณในสุดของรูจมูกและที่ใต้ ฐานกะโหลก โพรงอากาศนี้เป็นที่โล่งๆ ในกะโหลกศีรษะ แต่ละโพรงอากาศจะมีรูระบายอากาศตามธรรมชาติ โพรงละ 1 รู ซึ่งจะระบายเข้าสู่โพรงจมูก และเมื่อเยื่อบุโพรงไซนัสมีการอักเสบ เราจึงเรียกว่า “ไซนัสอักเสบ” (วิชญ์ บรรณหิรัญ, 2553)

สาเหตุของโรค

  • เชื้อแบคทีเรีย
  • เชื้อไวรัส
  • เชื้อรา

อาการนําของไซนัสอักเสบ

  • คัดจมูก นํ้ามูกข้นเขียวหรือเหลือง
  • หายใจมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดศีรษะ ปวดขมับ ปวดแก้ม ปวดท้ายทอย หนักหัว
  • เสมหะข้นไหลลงคอ ไอบ่อย
  • เลือดออกทางจมูก (พบในบางราย)
  • รายที่เป็นรุนแรงอาจมีไข้สูง ตาบวมอักเสบได้ เป็นต้น

การรักษา

  • การให้ยาซ่าเชื้อ
  • การทำให้โพรงจมูกยุบบวม โดยการใช้ยาพ่นจมูก หรือการล้างจมูก
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น ไรฝุ่น ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ สถานที่แออัด เป็นต้น
  • การผ่าตัด

คําแนะนําในการดูแลตนเอง

  • ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทําให้เกิดอาการหวัด ภูมิแพ้
  • หากรู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้
  • ควรงดว่ายนํ้า ดํานํ้า ขึ้นเครื่องบินประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงที่อาการกําเริบ
  • ไม่ควรรักษาการเองตามพื้นบ้าน เช่น ใช้กรดบางชนิดหยอดเข้าจมูก (ทําให้มีนํ้ามูกไหลออกมามาก เพราะอาจเกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูก) อาจทําให้เกิดการอักเสบ หรือจมูกพิการได้
  • หมั่นออกกําลังกายเป็นประจํา
  • ดื่มนํ้ามากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ๆอากาศถ่ายเท

การป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคไซนัสอักเสบ

  • การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
  • เมื่อเป็นหวัดนานเกิน 1 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • กินอาหารที่มีประโยชน์
  • ออกกําลังกายอยู่เสมอ
  • งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ๆ มีคนแออัด หรือบริเวณที่มี ฝุ่นควันมากๆ สิ่งมีพิษในอากาศ สารเคมีต่างๆ
  • รักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี ไม่ให้ฟันผุ
  • ถ้ามีโรคประจําตัว ควรรีบการรักษาจากแพทย์อย่างสมํ่าเสมอ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

บทความที่เกี่ยวข้อง

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal)

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal)

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal) สิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในรูหู ทำให้มีอาการหูอื้อหรือปวดหูได้ และอาจทำให้มีการติดเชื้ออักเสบได้ มักพบในเด็กที่เล่นซน การรักษา หากมีสิ่งแปลกปลอมที่เข้าหูอยู่ลึกเกินกว่าจะเอาออกดวยตนเองได้ ไม่ควรพยายามใช้นิ้ว ไม้แคะหู หรือสิ่งของต่าง ๆ พยายามแคะเอาสิ่งแปลกปลอมออกด้วยจนเอง เพราะอาจเป็นอันตรายได้ แนะนำให้พบแพทย์ ซึ่งแพทย์หู คอ จมูก จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยเอาสิ่งแปลกปลอมนั้นออกได้อย่างง่ายได้และไม่เป็นอันตราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร. 039-319896

หูชั้นกลางอักเสบ/หูน้ำหนวก (Otitis media)

หูชั้นกลางอักเสบ/หูน้ำหนวก (Otitis media)

หูชั้นกลางอักเสบ/หูน้ำหนวก (Otitis media) หูชั้นกลางอักเสบ พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยพบบ่อยในทารกและเด็ก แบ่งเป็นชนิดเฉียบพลัน และเรื้อรัง สาเหตุ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน มักเกิดร่วมกับการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น ไข้หวัด ต่อมทอนซิลอักเสบ ไอกรน เป็นต้น หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง อาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บจนแก้วหูทะลุ อีกทั้งยังพบบ่อยในเด็กที่ขาดสารอาหารสุขภาพๆไม่แข็งแรง เป็นโรคนี้มากกว่าเด็กที่แข็งแรง บางครั้งพบร่วมกับผู้ที่เป็นทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ผนังกั้นจมูกคด เนื้องอกในจมูก อาการ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน โดยมักจะมีอาการหลังเป็นหวัด เจ็บคอ หรือเป็นโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ซึ่งอาการ ได้แก่ ปวดในรูหู หูอื้อ มีไข้สูง หนาวสั่น บางคนอาจมีวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเดิน ในเด็กมักร้องกวนกลางดึก บางรายเอามือดึงใบหู มักมีไข้สูงอาจถึงขั้นชักได้ มักมีอาการหวัดและไอร่วมด้วย หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง มีอาการหูน้ำหนวกไหลเป็น ๆ หาย ๆ โดยมักเป็นขณะเป็นหวัด หรือหลังเล่นน้ำ ร่วมกับมีอาการหูอื้อ หูตึง บางรายอาจมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ส่วนมากจะไม่มีไข้หรือเจ็บปวดในรูหู โรคแทรกซ้อนที่พบได้ หูชั้นในอักเสบ โพรงกระดูกมาสตอยด์อักเสบ อัมพาตปากเบี้ยว หูหนวก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีในสมอง ฝีรอบ ๆ หู หูหนวกสนิท การรักษา หากมีอาการของหูชั้นกลางอักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องรับประทานจนครบตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าหู สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร. 039-319896

โรคเชื้อราในช่องหู

โรคเชื้อราในช่องหู

โรคเชื้อราในช่องหู โรคเชื้อราในช่องหู ถือเป็นโรคหูชั้นนอกอักเสบจากเชื้อรา มักพบหลังเล่นน้ำ หรือใช้ไม้แคะหูร่วมกับผู้ที่เป็นเชื้อราในช่องหู อาการ คันหูมาก อาจมีอาการปวดหู หรือหูอื้อ เมื่อใช้ไฟส่องในรูหู อาจพบขุยขาวๆ ที่ผิวหนังรอบ ๆ รูหู การรักษา ทุกครั้งที่มีอาการ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินว่าการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม หากเป็นซ้ำบ่อย ๆ แพทย์จะประเมินว่ายังคงเป็นเรื่องเชื้อราในหูอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ และควรสอบถามแพทย์ที่รักษาโดยตรงอีกครั้งว่าเหตุใดจึงเป็นบ่อยๆ อาจจะต้องซักประวัติเพิ่มเติม หรือตรวจหาโรคร่วมอื่นๆด้วยต่อไปฃ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร. 039-319896

หูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis)

หูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis)

หูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis) หูชั้นใน เป็นส่วนที่ควบคุมเกี่ยวกับการทรงตัว โดยหูชั้นในอักเสบส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งแพร่กระจายจากบริเวณจมูกและลำคอไปสู่หูชั้นใน มักเกิดหลังติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ คางทูม เป็นต้น บางรายเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียลุกลามจากหูชั้นกลางอักเสบ อาการ วิงเวียนศีรษะ เห็นพื้นบ้านหรือเพดานหมุน เป็นมากเวลามีการเคลื่อนไหวศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน บางรายมีอาการตากระตุก เดินเซ การรักษา หากวิงเวียนมาก ควรให้นอนพักนิ่ง ๆ และหลับตา พบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม และรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีหูอื้อ เดินเซ ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ความดันโลหิตสูง คลื่นไส้ อาเจียน ควรกลับไปพบแพทย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร. 039-319896

บอกลาภูมิแพ้เรื้อรังด้วยเทคโนโลยี RF

บอกลาภูมิแพ้เรื้อรังด้วยเทคโนโลยี RF

บอกลาภูมิแพ้เรื้อรังด้วยเทคโนโลยี RF ภาวะคัดจมูกเรื้อรัง กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโดยตรง ส่งผลให้เสียสมาธิในการเรียน การทำงาน ส่วนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ไม่สะดวกคล่องตัวเท่าใดนัก อีกทั้งยังลามไปถึงการนอนหลับพักผ่อน ก่อให้เกิดภาวะง่วงนอนตลอดวัน อันเนื่องมาจากการหลับไม่สนิท ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะคัดจมูก คือการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูกด้านใน หรือผนังกั้นจมูก โดยผู้ป่วยมักมีอาการจาม น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ และหายใจไม่สะดวก เป็นต้น การรักษาภูมิแพ้ภาวะคัดจมูกเรื้อรัง แพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก จะตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยภาวะคัดจมูกเรื้อรัง ว่ามาจากสาเหตุใด และให้การรักษาอย่างเหมาะสมตามสาเหตุ อาทิ ควบคุมภูมิแพ้ในผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากภูมิแพ้ รักษาการติดเชื้อในกรณีมีอาการอักเสบติดเชื้อภายในช่องจมูก ผ่าตัดแก้ไขสันจมูกในกรณีที่สันจมูกคดมาก การรักษาด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “RF (Radiofrequency) หรือ การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ”โดยการรักษาด้วยเทคนิค RF แพทย์จะใช้เข็มลักษณะพิเศษใส่เข้าไปในเยื่อบุโพรงจมูกคนไข้ จากนั้นคลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานความร้อน เยื่อบุโพรงจมูกจะสร้างพังผืดและหดตัวลง ส่งผลให้ช่องขนาดโพรงจมูกใหญ่ขึ้น ผู้ป่วยจึงสามารถหายใจได้โล่งและสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ RF ยังช่วยให้อาการคันจมูก น้ำมูกไหล หรือเสมหะลงคอ ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน และกรณีที่ผู้ป่วยเกิดอาการคัดจมูกเนื่องจากเยื่อบุจมูกบวมโตอีกครั้ง สามารถรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวซ้ำได้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888

เลือดกำเดา เลือดออกจมูก (Epistaxis Nose bleed)

เลือดกำเดา เลือดออกจมูก (Epistaxis Nose bleed)

เลือดกำเดา เลือดออกจมูก (Epistaxis Nose bleed) เลือดกำเดา เกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเยื่อบุจมูกแตก มักเกิดขึ้นเฉียบพลัน บางรายเป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้ง สาเหตุ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้หวัด ภูมิแพ้อากาศ ไซนัสอักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ เส้นเลือดฝอยเปราะเนื่องจากอากาศแห้ง การแคะจมูกแรง ๆ ได้รับบาดเจ็บ ความดันโลหิตสูง บางครั้งก็ทำให้เลือดกำเดาไหลได้ เกิดร่วมกับโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ มาลาเรีย ไทฟอยด์ ไข้เลือดออก คอตีบ เป็นต้น มีโรคเลือด ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว โลหิตจางอะพลาสติก ไอทีพี เป็นต้น ซึ่งมักมีเลือดออกตามไรฟัน มีจ้ำเขียวขึ้นตามตัว และตับม้ามโตร่วมด้วย มะเร็งหรือเนื้องอกในจมูกหรือในลำคอ ซึ่งได้น้อยมาก การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ปฐมพยาบาลด้วยการให้ผู้ป่วยนั่งนิ่ง ๆ ตัวตรง ก้มหน้าลงเล็กน้อย บีบจมูกหายใจทางปากประมาณ 5-10 นาที จนเลือดหยุดไหล หากมีน้ำแข็งอาจใช้ผ้าห่อไว้แล้วประคงบริเวณจมูกไว้ได้ หากเลือดไม่หยุด หรือเป็นซ้ำบ่อย ๆ จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โทร. 039-319896