วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

ไวรัสตับอักเสบบี เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ก่อโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัตับอักเสบบีนี้ ซึ่งจะฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง
ในทารกที่ฉีดตั้งแรกเกิด และในวัยอื่นๆโดยทั่วไปฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ดังนี้

  1. เริ่มฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเข็มแรก เมื่อพบแพทย์ตรวจแล้วว่าไม่มีภูมิคุ้มกันและแพทย์พิจารณาแล้วว่าควรได้รับวัคซีนนี้
  2. วัคซีนเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน
  3. วัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน

 

กลุ่มที่แนะนำให้ได้รับวัคซีนไวรัสอับอักเสบบี

  • ทารกแรกเกิดทุกราย
  • ทุคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี
  • ผู้ดูแลหรือผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในโรงพยาบาล
  • ผู้ที่ได้รับการฟอกไต
  • ผู้ที่ต้องได้รับเลือดเป็นประจำ
  • กลุ่มรักร่วมเพศ
  • ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด
  • ผู้ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง มีการระบาดของไวรัสตับอักเสบบี

 

การตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

         *  เด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 10 ปี) ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีน

         * เด็กโต (อายุ 10 ปีขึ้นไป) และผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะเคยติดเชื้อมาแล้ว ซึ่งอาจมีภูมิคุ้มกันโรคแล้วตาม

ธรรมชาติหรือเป็นพาหะ ซึ่งจะไม่ได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีน ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนโดยไม่จำเป็น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อตรวจเลือดประกอบกับการพิจารณาว่าควรฉีดวัคซีนหรือไม่

วัคซีนนี้จะป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีได้หลังฉีด 10 วัน

อาการข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

อาจมีอาการปวด บวม หรือมีไข้ต่ำๆ อาการมักเริ่มราว 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด และเป็นอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888